“ปลาไหลกัลเปอร์” อสูรปากกว้างแห่งทะเลลึกสุดน่าผวา

“ปลาไหลกัลเปอร์” อสูรปากกว้างแห่งทะเลลึกสุดน่าผวา

หากจะกล่าวถึงปลาปลอดภัยที่หลาย ๆ คนไม่ค่อยกลัวกันมากที่สุดล่ะก็ “ปลาไหล” ก็เป็นหนึ่งในปลาที่ถูกยกให้เป็นปลาอีกวงศ์หนึ่งที่ถูกยกให้เป็นปลาที่ไร้พิษสงมากที่สุดเท่าที่ปลาตระกูลอื่นจะมี เพราะนอกจากจะไหลช้าแล้วก็ยังเป็นปลาที่รักสงบ ค่อนข้างกลัวคนและไม่ค่อยอยากยุ่งกับปลาชนิดอื่นมาก แต่จะมีสักกี่คนกันเล่าที่รู้ว่าในเหล่าปลาไหลหลากหลายชนิดที่คุณเห็นว่าหงอ ๆ ดูขี้กลัว เวลาเจอคนไม่ค่อยกล้ายุ่งหรือขยับนี่ล่ะมี “ปลาไหลกัลเปอร์” ที่ชาวต่างชาติให้ฉายาว่า “1 ในอสูรเงียบใต้ทะเลลึกที่น่ากลัวที่สุดของโลก!” ซึ่งมองแค่ภาพคุณก็น่าจะเห็นแล้วว่ามันเหมือนสัตว์ประหลาดที่พร้อมจะเขมือบคุณด้วยฟันตลอดเวลา หากไม่บอกว่าเป็นปลาไหลคงนึกว่าเป็นฉลามไปแล้ว แบบนี้เมื่อรู้ว่ามีปลาอันตรายอยู่ในโลกอีกชนิดหนึ่งก็ไม่ควรพลาดอ่านเรื่องราวพิศวงชวนผวาของเจ้าปลาไหลกัลเปอร์ให้ได้เลย ทำความรู้จักกับ “ปลาไหลกัลเปอร์” “ปลาไหลกัลเปอร์” เป็นปลาไหลทะเลน้ำลึกขนาดหัวใหญ่พิเศษที่จัดอยู่ในตระกูล Saccopharyngidae พบได้ในระดับความลึก 1,800 เมตรในมหาสมุทรแปซิฟิก บริเวณใกล้กับรัฐฮาวาย โดยลักษณะลำตัวของปลาไหลกัลเปอร์จะมีลำตัวเรียวยาวขนาด 2 เมตร โดยเฉพาะบริเวณหางที่ยาวและเพรียวกว่าตัวสามารถรับความรู้สึกเมื่อมีสิ่งใดมาสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว ไร้ซึ่งเกล็ด มีปากกว้างใหญ่และฟันที่หลายซี่ที่ปลายแหลมคมกับขากรรไกรที่อ้าออกได้กว้างกว่าลำตัวไว้เขมือบกัดกินฉีกเนื้อเหยื่อเต็มปากไม่ต่างกับฟันฉลามซึ่งมันไม่เลือกกัดแค่สัตว์ทะเลแต่ยังสามารถกัดมนุษย์ที่เข้าใกล้มันได้ด้วย  การดำรงชีวิตของ “ปลาไหลกัลเปอร์” “ปลาไหลกัลเปอร์” เป็นปลาที่มีเล่ห์เหลี่ยมเยอะและค่อนข้างน่ากลัวมากแม้ลักษณะภายนอกมันจะเงียบ แต่หากพบเจอผู้บุกรุกหรือเหยื่อมันก็จะรีบจู่โจมเข้าเล่นงานและกัดอย่างรวดเร็ว นอกนั้นเวลาอื่น ๆ หากมันไม่ว่ายไปตามพื้นทะเลเรื่อย ๆ เพื่อหาแหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ก็จะทำการพรางตัวนิ่งรอเหยื่อมาหาเองโดยการเปลี่ยนรูปร่างเป็นธรรมชาติ เปลี่ยนรูปร่างเป็นลักษณะน่ากลัว รวมถึงเปล่งแสงในที่มืดเพื่อข่มขู่สัตว์นักล่าให้หนีไปได้อีกด้วย อาหารสุดโปรดของ “ปลาไหลกัลเปอร์” “ปลาไหลกัลเปอร์” มีอาหารสุดโปรดที่มันชื่นชอบหลากหลาย ได้แก่ พวกกุ้ง หอย ปู ปลา และปรสิตเล็ก […]

“Cotinis mutabilis” ด้วงสุดแปลกสีสันงามราวกับอัญมณี

“Cotinis mutabilis” ด้วงสุดแปลกสีสันงามราวกับอัญมณี

โลกของแมลงเขาว่าเป็นโลกที่ชวนให้พิศวงมากที่สุด เพราะไม่ว่าจะเป็นแมลงใด ๆ ก็ล้วนแล้วแต่มีสีสันที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของตัวเองมากที่สุด เรียกได้ว่าสปีชีส์ที่มีสีสันหลากหลายในโลกมากที่สุดก็คือ “สปีชีส์ของแมลง”นั่นเอง จึงไม่แปลกที่หลายคนจะชอบเข้าป่าเพื่อตามหาแมลงหายากที่มีความสวยงามและได้สำรวจชีวิตของมันไปพร้อม ๆ กับการชื่นชมความสวยงามมีสีสันที่เหมือนมีผู้เติมแต่งรังสรรค์อย่างน่าอัศจรรย์ ยิ่งเป็น “Cotinis mutabilis” ด้วงสุดแปลกที่มีสีสันสวยงามแล้วล่ะก็ไม่ว่าใครที่อยู่ไม่ไกลจากแหล่งที่อยู่อาศัยของมันก็มักจะใช้ช่วงเวลาวันหยุดในการเข้าป่าเพื่อไปส่องแมลงตัวนี้กันทั้งนั้น เพราะในเมืองจะหายาก นาน ๆ ทีจึงจะมีพวกมันตัวใดตัวหนึ่งที่หลงออกมาเชยชมให้มนุษย์เห็น วันนี้เองเราจึงอยากพาคุณมารู้จักกับ “Cotinis mutabilis”กันเมื่อมันคือแมลงที่นักสำรวจหลงใหลเป็นอันดับต้น ๆ ในท้องถิ่นเลย ทำความรู้จักกับ “Cotinis mutabilis” “Cotinis mutabilis” เป็นด้วงสายพันธุ์ figeater ที่จัดอยู่ในพวกด้วงผลไม้ที่มีสีสันเงางามหลากหลายสี มีวงศ์ย่อยของแมลงปีกแข็งอยู่ในตระกูลของ Cetoniinae โดยตัวของพวกมันเมื่อโตเต็มวัยจะมีขนาด 1.25 นิ้ว เป็นสีเขียวเหลือบเงาสีรุ้งอย่างมีมิติงดงามคล้ายอัญมณีบริเวณหลังและท้องลงมาจนถึงช่วงล่าง ซึ่งคุณสามารถพบด้วง Cotinis mutabilis ได้ตามป่าดิบชื้นทางตะวันตกเฉียงใต้ของอเมริกาที่อุดมสมบูรณ์ บริเวณต้นกระบองเพชร ต้นไม้ที่มีการออกดอกออกผลสุกงอม มันจะชอบเกาะบริเวณผลไม้และใบไม้เป็นประจำ อีกทั้งด้วง Cotinis mutabilis มักจะถูกผู้คนเข้าใจผิดว่ามันคือชนิดเดียวกับเต่าทองสีเขียว การดำรงชีวิตของ “Cotinis mutabilis” “Cotinis mutabilis” จะออกหาอาหารกินตามธรรมชาติในเวลากลางวันเป็นหลัก มันเป็นแมลงที่ชอบอยู่กับแสงแดด ยิ่งบริเวณที่มีแดดส่อง […]

พลิกการมองโลกใหม่กับแมงมุมปิกาจู

พลิกการมองโลกใหม่กับแมงมุมปิกาจู

“ปิกาจู! โปเกมอน โปเกมอน อินมานา กามู” ฟีลมันได้อีกแล้วเพียงแค่ได้เห็นภาพของปิกาจูตัวจิ๋วที่ซ่อนอยู่ในป่าลึกของต่างประเทศ แต่เอ๊ะ! หรือจะไม่ใช่กันนะ แต่เหมือนมากเลยว่าไหมทุกคน ตัวมันก็เป็นสีเหลือง มีหูแหลม 2 หูตั้งอยู่ด้านหลัง บริเวณปลายแหลมก็เป็นสีดำ ๆ แดง ๆ เหมือนปิกาจูเป๊ะเลย หรือว่าโปเกมอนจะนำเอาต้นแบบของเจ้าสัตว์ที่มีอยู่จริงในโลกตัวนี้มาออกแบบตัวละครปิกาจูที่แสนน่ารักในวัยเด็กของเรากันนะ แล้วสรุปว่าเจ้าสัตว์ป่าสุดแปลกนี่คือตัวอะไรกันแน่ ทำไมจึงเกาะอยู่บนต้นเหมือนแมงมุมเลย คำตอบก็ไม่ยาก มันคือแมงมุมนี่เอง แต่ด้วยความที่มันมีลักษณะเหมือนปิกาจูจึงทำให้ทุกคนตั้งชื่อเรียกเล่น ๆ ของเจ้าแมงมุมนี้ว่า “แมงมุมปิกาจู” แต่ความจริงแล้วมันคือแมงมุมที่มีชื่อชนิดสุดคลาสสิกตั้งแต่เกิดว่า “Arrow-shaped micrathena” นอกจากรูปร่างมันจะมีความสวยงามโดดเด่นท่ามกลางป่าสีเขียวอันอุดมสมบูรณ์ในเขตประเทศหนาวแล้ว ยังมีอีกหลายด้านโดดเด่นในชีวิตพิศวงของมันที่เราอยากให้คุณได้เห็นในวันนี้ด้วย ทำความรู้จักกับ “แมงมุมปิกาจู Arrow-shaped micrathena” “แมงมุมปิกาจู Arrow-shaped micrathena” เป็นแมงมุมพันธุ์หายากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลกซึ่งมีจำนวนน้อยมากในหมู่แมงมุมพันธุ์อื่น มันยังถูกจัดว่าเป็นแมงมุมสายพันธุ์ใหม่ที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในป่าลึกมีบรรยากาศทึบแสงประเทศฮอนดูรัสทางทวีปอเมริกาเหนือด้วย โดยผู้ที่ค้นพบมันเป็นคนแรก คือ “คุณโจนาธาน คอลบี้” นักสำรวจจาก National Geographic ที่ได้ถ่ายภาพประกอบการสำรวจชีวิตของแมงมุมปิกาจูที่มีลักษณะตัวเล็กสีน้ำตาลแดงเข้มใสแต่ขามีขนาดยาวและใหญ่ตัดกับสีเหลืองสดใสบริเวณก้นของมันที่มีความปล่องแข็งเต็มไปด้วยหนามแหลมติดมากมายตามก้น และมีหนามแหลมสีเหลืองยาวสุดโผล่ด้านหลัง 2 หนามในระดับเท่ากันซึ่งบริเวณปลายหนามเป็นสีน้ำตาลแดงและดำทำให้ดูเหมือนของโปเกมอนปิกาจูอย่างมาก อีกทั้งสีประจำของตัวก็เป็นสีเหลืองสลับแดงอยู่แล้วอีก การดำรงชีวิตของ “แมงมุมปิกาจู […]

“หนอนเรือ” สิ่งมีชีวิตตัวยาวดุจงูที่รักการกินหิน!

“หนอนเรือ” สิ่งมีชีวิตตัวยาวดุจงูที่รักการกินหิน!

แม้ว่าหนอนจะเป็นสัตว์ที่มักจะถูกคนอื่นมองข้ามเรื่องความสวยงามหรือความโดดเด่นในการดำรงชีวิต แต่หากเป็นลักษณะลำตัวกับความยาวล่ะก็บอกเลยว่าโลกเรายังมีหนอนอีกหลากหลายสายพันธุ์ที่สามารถสร้างความตกตะลึงให้แก่มนุษย์โลกที่พบเห็นได้เหมือนกัน บางคนอาจไม่รู้ว่าหนอนนั้นมีสายพันธุ์ตระกูลที่เยอะมาก บางทีหนอนบางตัวก็ตัวเล็กไปจนมองแทบไม่เห็นแต่หากใช้กล้องส่องก็จะพบว่ามันมีลักษณะที่แปลกจนใคร ๆ ต่างก็บอกว่าเป็นเอเลี่ยน! และแน่นอนว่า โลกของเราก็มีหนอนยักษ์หลากหลายชนิดที่คุณยังรู้จักไม่หมดเช่นเดียวกัน ในวันนี้เองเราจึงได้นำหนอนยักษ์อีกชนิดหนึ่งที่ยังคงไม่สูญพันธุ์ไปจากโลกและมีการดำรงชีวิตที่โดดเด่นไม่แพ้สัตว์อื่นที่โลกจดจำอย่าง “หนอนเรือ” มาบอกเล่ากัน ซึ่งพออ่านแล้วอย่าลืมเอาเรื่องราวของมันไปบอกต่อให้ลูกหลานของคุณรู้ด้วยว่าอนาคอนด้าเองก็มีลูกน้องข้ามสายพันธุ์ที่น่าระทึกเวลาพบเจอไม่แพ้กันเลย! ทำความรู้จักกับ “หนอนเรือ” “หนอนเรือ” หรือ “Shipworm” แม้ตัวของมันจะเป็นคล้ายหนอน แต่แท้จริงแล้วมันไม่ได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มหนอน ตรงกันข้ามมันกลับถูกจัดอยู่ในสัตว์ประเภทหอยน้ำเค็ม ตระกูล Teredinidae มีลักษณะตัวยาวทรงกระบอกหลายเซนติเมตรจนถึงเป็นเมตรเลยก็มีขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ พบส่วนใหญ่เป็นลำตัวสีดำ สีขาวใส และสีเนื้อ ยืดหยุ่นได้และมีความนุ่มของร่างกายซึ่งอาศัยอยู่ในเปลือกหอยสองฝาที่ติดตามตะกอนบริเวณโขดหินและโครงสร้างฐานไม้ใต้สะพานท่าเรือรวมถึงฐานเรือที่จอดเทียบท่าด้วย แต่ความน่ากลัวของพวกหนอนเรือ คือ พวกมันจะทำลายไม้ทุกอย่างโดยการขุดเจาะจากปากจนเป็นอุโมงค์และแฝงตัวเข้าไปอยู่ข้างในหากพบเจอรวมถึงหินด้วย ทำให้คนท้องถิ่นมักให้ฉายามันว่า “ปลวกทะเล” คุณสามารถเจอมันได้ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน การดำรงชีวิตของ “หนอนเรือ” “หนอนเรือ” มักจะชอบอยู่ตามน้ำตื้นที่หากไม่เป็นชายฝั่งทะเลที่มีไม้ก็จะอยู่ใต้ทะเลตามแนวปะการังไม่ห่างจากชายฝั่งมาก เพราะบริเวณแนวปะการังจะเต็มไปด้วยหินมากมายที่พวกมันชอบอาศัยอยู่ หรือไม่ก็ตามทะเลสาบ มันสามารถอยู่ได้เช่นกัน ซึ่งตอนที่ยังมีชีวิตอยู่และไม่ย้ายถิ่นฐาน พวกมันจะอยู่ในเปลือกหอยเดิมที่มีขนาดยาวและใช้วิธีการดูดแบคทีเรียทางชีวภาพที่เป็นประโยชน์ซึ่งอาศัยอยู่ในเหงือกของมันซึ่งเป็นแบคทีเรียที่เน้นพลังไฮโดรเจนซัลไฟด์ และเวลาไปเที่ยวเล่นก็จะไปเกาะเรือแล้วมักหายใจโดยใช้กาลักน้ำทั้งสองที่เป็นช่องปากทั้งด้านหัวกับด้านท้ายเป็นส่วนสำคัญรวมถึงการขับถ่ายด้วย และเมื่อมันจะย้ายถิ่นก็มักจะออกจากหอยเดิมและทิ้งหอยที่มีลักษณะยาวเท่าไม้เบสบอลไว้ตามชายหาดหรือในวัสดุไม้ไว้เป็นร่องรอยว่ามันเคยอยู่เท่านั้น อาหารสุดโปรดของ “หนอนเรือ” “หนอนเรือ” มีอาหารสุดโปรดที่พวกมันชื่นชอบ คือ แบคทีเรียสังเคราะห์จากความชื้นใต้ผืนน้ำที่มีความบริสุทธิ์สะอาดและไม้กับหินที่มีแร่ธาตุกับเหตุผลเดียวกับปลวก คือ โปรโตซัวที่เป็นสิ่งมีชีวิตพึ่งพาอาศัยกันในลำไส้ของพวกมันต้องการสารอาหารจากการย่อยสลายไม้ให้ปลวก และปลวกก็จะได้รับประโยชน์จากโปรโตซัวด้วยเช่นกันจึงทำให้เป็นภาพน่าสะพรึงของหนอนทะเลที่กัดกินหินและไม้แบบที่ไม่มีสัตว์น้ำใดทำ  คลิปแมว  คลิปหมา […]

“หนอน Drone Fly” สิ่งมีชีวิตสุดแปลกคู่บ้านเรือนที่คนไทยเพิ่งรู้ว่ามี!

“หนอน Drone Fly” สิ่งมีชีวิตสุดแปลกคู่บ้านเรือนที่คนไทยเพิ่งรู้ว่ามี!

ในเวลาที่เราอยู่ตามบ้านและทำกิจกรรมประจำวันด้วยความสงบสุข ในบางครั้งความสุขและสงบก็มักจะถูกขัดจังหวะให้ชะงักลงด้วยสัตว์เลื้อยคลายที่มักจะแอบเข้ามาในบ้านเราทีเผลอบ่อย ๆ ยิ่งเป็นในช่วงฤดูหนาวและฤดูฝนที่อย่าให้บอกเลยว่าจะมีสัตว์ชนิดใดที่เข้ามาในอาณาเขตบ้านของคุณบ้าง ไม่ว่าจะเป็นงู ตัวเงินตัวทอง ตะขาบ ไส้เดือน กิ้งกือ และหนอนก็ยังเข้ามาได้ โดยเฉพาะบางครั้งที่เราเห็นว่าจู่ ๆ ก็มีตะขาบกับกิ้งกือเข้ามาในบ้านได้ก็อาจงงว่าเราก็ปิดบ้านดีแล้ว มันจะเข้ามาจากทางไหน คำตอบอยู่ที่ “ห้องน้ำของคุณ”นี่เอง เพียงแค่มีการเปิดฝาท่อมันก็สามารถขึ้นมาจากพื้นดินได้แล้ว โดยเฉพาะช่วงนี้พวกหนอนที่ชอบอยู่กับน้ำก็ยังขึ้นมาบนห้องน้ำเลยจนกลายเป็นภาพจำช่วงเวลาที่อากาศหนาวของบ้านเรือนไปเสียแล้ว แต่ก็มีหนอนบางตัวที่เราอาจไม่เคยพบเห็น  อย่างล่าสุดที่หลายต่อหลายคนตั้งคำถามในโลกโซเชียลกันมากที่สุดก็คือ เจ้าหนอนตัวหนึ่งที่มีลำตัวป้อมหนาและสั้นคล้ายกับทากแต่ปลายหางของมันกลับเรียวยาวน่าแปลกใจจนบางคนก็เรียกกันว่าปรสิต บางคนก็บอกว่ามันคือทากพันธุ์ใหม่ แต่จริง ๆ แล้วสัตว์ชนิดนี้คือ “หนอน Drone Fly” และมันก็อยู่กับโลกเรามานานแล้ว เพียงแต่สมัยนี้การวางไข่ของมันแพร่หลายกว่าเดิมจึงเข้ามาในบ้านเรือนจนผู้คนเห็นกันง่าย ทำความรู้จักกับ “หนอน Drone Fly” “หนอน Drone Fly” หรือที่เรียกว่า “หนอนหางหนู” เป็นหนอนตัวอ่อนที่เกิดจากแมลงวันดอกไม้ซึ่งมาวางไข่ไว้ตามที่ที่มีลักษณะเป็นแอ่งน้ำซึ่งโดยปกติแล้วจะมีการวางไข่ตามใกล้สระน้ำหรือบึงตามธรรมชาติ แต่พอถึงฤดูฝนก็มักจะทำให้ตามพื้นที่บ้านผู้คนซึ่งมีสวนหรือดินหลุมบ่ออยู่ทำให้เมื่อฝนตกก็เกิดมวลน้ำที่กักขังทำให้แมลงวันดอกไม้มักมาวางไข่ที่ตรงนั้น เราจึงมักพบหนอน Drone Fly ตามบ้านเรือนลักษณะนี้ ซึ่งลำตัวของมันจะเป็นลักษณะป้อม ๆ มีสีเทากับสีน้ำตาลคล้ายทากเวลาคลานแต่จะมีหางเรียวยาวเหมือนหนูออกมาโดดเด่นกว่าหนอนทั่วไปซึ่งพอคลานไปข้างหน้า 1 ครั้งหางนั้นก็จะสั้นลง และพอคลานอีก 1 ครั้งหางก็จะกลับมายืดหยุ่นยาวใหม่เป็นเช่นนี้สลับกันอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งเมื่อโตขึ้นก็จะกลายเป็นแมลงวันดอกไม้ที่อยู่ตามสวนดอกไม้กับผลไม้ที่ลักษณะตัวโตเต็มวัยจะมีลายเหมือนผึ้งจนใคร ๆ […]

“Vampire Deer” สัตว์น่ารักที่เขี้ยวโดดเด่นราวผีดิบ!

“Vampire Deer” สัตว์น่ารักที่เขี้ยวโดดเด่นราวผีดิบ!

พอพูดถึงกวางผีดิบหลายคนก็อาจจะนึกถึงภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง “Train To Busan” ที่ฉากแรกเราได้เห็นกวางตัวหนึ่งถูกรถชนแต่กลับไม่ตายกลายเป็นผีดิบจากเชื้อไวรัสกันแบบที่ติดตากันไปตลอดชีวิตได้อย่างแน่นอน แต่ก็ยังใจชื้นว่า ดีแล้วที่ในโลกแห่งความจริงไม่มีกวางผีดิบแบบนั้น ไม่อย่างนั้นโลกคงต้องวุ่นวายเป็นอย่างในภาพยนตร์แน่แท้ แต่ ๆ ๆ ถึงแม้กวางผีดิบที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์ทำให้สิ่งมีชีวิตกลายเป็นศพเดินได้จะไม่มีอยู่จริง แต่ในโลกของเราก็มีกวางที่ผู้คนเรียกมันว่า “Vampire Deer” อยู่จริง ๆ นะ! แต่มันก็เป็นสัตว์ทั่วไปแบบที่เราเห็นนี่ล่ะ เพียงแค่เพราะปัจจัยทางพันธุกรรมที่ทำให้กวางชนิดนี้มีความแตกต่างภายนอกที่ไม่เหมือนกวางทั่วไปจนใคร ๆ ต่างก็อยากศึกษาในเรื่องราวของมันที่มีเขี้ยวแหลมแบบแวมไพร์มาก ๆ หากใครที่สนใจล่ะก็วันนี้เราได้นำเรื่องของ Vampire Deer มาฝากคุณแล้ว! ทำความรู้จักกับ “Vampire Deer” “Vampire Deer” หรือ “กวางชะมด” เป็นกวางที่มีขนยาวสีน้ำตาลน่ารักลักษณะลำตัวคล้ายกับกวางทั่วไป แต่มีจุดเด่นตรงที่พวกมันจะมีเขี้ยว 1 คู่เป็นสีขาว งอกยาวจากริมฝีปากด้านบนตามพันธุกรรมที่ทำให้เกิดความอัศจรรย์ใจมากเมื่อผู้คนพบเห็นซึ่งเขี้ยวยาวแหลมของมันก็มีลักษณะคล้ายเขี้ยวของผีดูดเลือดมากจึงได้ฉายาและชื่อที่เรียกทั่วไปว่า “Vampire Deer” หรือ “กวางแวมไพร์” บ้างก็เรียก “กวางชะมด” โดยที่เขี้ยวของ Vampire Deer มีไว้ใช้สำหรับการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอาณาเขตหรือคู่ครอง แต่กับมนุษย์มันจะไม่ทำอะไรใครและจะหนีเสียด้วยซ้ำ นอกจากนี้ Vampire Deer ยังเป็นสัตว์ที่ว่ายน้ำได้เก่งและว่ายไปได้ไกลจากชายฝั่งถึงเกาะกลางแม่น้ำอีกด้วย คุณสามารถพบเห็น […]

“Sarcastic Fringehead” ปลาปากกว้างสุดน่าทึ่งแห่งแปซิฟิก

“Sarcastic Fringehead” ปลาปากกว้างสุดน่าทึ่งแห่งแปซิฟิก

ในทะเลที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับมากมายของสัตว์น้ำและความเชื่อเกี่ยวกับโลกอีกมิติใต้พิภพ เราอาจจะไม่เคยได้เห็นปลาที่หาง่าย แต่ผู้คนมักมองข้ามจนพอมาเจอเข้าจริง ๆ ก็อาจจะคิดว่า นี่คือปลาที่เพิ่งถูกค้นพบและเราคือคนแรกที่เจออย่างน่าภาคภูมิใจ ซึ่งความจริงไม่ใช่แบบนั้น เพราะล่าสุดตอนที่เรานั่งหาข้อมูลสำรวจสัตว์ใต้ทะเลก็บังเอิญไปเจอปลาสุดแปลกที่เราไม่คิดว่าจะมีอยู่ในโลกเหมือนกันอย่าง “ปลา Sarcastic Fringehead” ที่แค่เห็นปากกว้างก็ทำให้เราเผลออ้าปากค้างด้วยความตะลึงแล้ว ไม่คิดว่าโลกเราจะมีปลาที่ปากใหญ่เหมือนหลุดออกมาจากในภาพยนตร์แฟนตาซีขนาดนี้ และมันก็มีวิถีชีวิตที่น่าทึ่งในการล่าไม่ต่างจากรูปร่างด้วยทำให้กลายมาเป็นสัตว์น้ำเค็มอีกชนิดที่แปลกจนเราต้องนำมาบอกเล่าเรื่องราวของมันให้คุณรู้กันในวันนี้สำหรับปลา Sarcastic Fringehead แห่งแปซิฟิกที่น่าค้นหา ทำความรู้จักกับ “ปลา Sarcastic Fringehead” “ปลา Sarcastic Fringehead” เป็นปลาขนาดกลางที่มีลำตัวสีน้ำตาลแดง ลายด่างดำกึ่งเพรียวกึ่งป้อมยาว 30 เซนติเมตร ครีบใหญ่แหลม ดวงตากลมโต หัวใหญ่ และปากของมันมีคุณสมบัติโดดเด่นตรงที่สามารถขยายใหญ่ได้มากกว่าขนาดเดิมหลายเท่าในลักษณะเหมือนกลีบดอกไม้ที่บานกว้างเพื่อการต่อสู้ ข่มขู่ และเขมือบสัตว์น้ำที่เป็นเหยื่อของมัน ปลา Sarcastic Fringehead ชอบซ่อนตัวอยู่ในเปลือกหอย หรือร่องหินตามพื้นเพื่อซุ่มโจมตีเหยื่อ พบได้ทั้งในน้ำตื้นและน้ำลึกในมหาสมุทรแปซิฟิก ตามแถบนอกชายฝั่งของทวีปอเมริกาเหนือ จากซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ไปจนถึงบาจาแคลิฟอร์เนียในเม็กซิโก การดำรงชีวิตของ “ปลา Sarcastic Fringehead” “ปลา Sarcastic Fringehead” มีนิสัยที่ค่อนข้างระแวงและขี้หวงถิ่นที่อยู่ของตัวเองมากจนปกติแล้วมักจะไม่ค่อยออกห่างจากบริเวณเขตที่อยู่อาศัยของตัวเองมากเมื่ออกไปหาอาหาร และเมื่อเจอเหยื่อหรือสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่แปลกประหลาดไม่น่าไว้ใจ ปลา Sarcastic […]

“ปลาไหลริบบิ้น” สิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่เปลี่ยนเพศได้

“ปลาไหลริบบิ้น” สิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่เปลี่ยนเพศได้

ปลาไหลจัดว่าเป็นปลาที่ใคร ๆ ก็ไม่ค่อยนึกถึงกันเท่าไหร่นัก เพราะลักษณะรูปร่างของมันก็แค่ยาวเหมือนงูเท่านั้นและไม่ค่อยมีลวดลายเท่าไหร่ อีกทั้งสีของปลาไหลก็มักเป็นสีพื้น ๆ อย่างสีขาว เนื้อ สีดำ สีน้ำตาล หรือสีเทาด้วย ยิ่งทำให้ความน่าสนใจของปลาไหลห่างหายไปจากผู้คนมากยิ่งขึ้น แค่หากเราลองมาสำรวจใต้ทะเลให้มากขึ้นแล้วก็จะรู้ว่าแท้จริงปลาไหลเองก็เป็นปลาที่มีความโดดเด่นแตกต่างกันและไม่ได้มีแค่สีพื้น ๆ อย่างที่ใครต่อใครคิดเสมอไป ปลาไหลสวย ๆ ที่น่าค้นหาก็มีหลบซ่อนตัวอยู่ในท้องทะเลเยอะแยะ บางตัวคุณอาจจะเคยเห็นมาแล้วแต่ไม่รู้ว่าเป็นปลาไหลก็เท่านั้นเอง เช่นเดียวกับ “ปลาไหลริบบิ้น”ที่จะมีสักกี่คนที่มองดูรู้ว่าเขาคือหนึ่งในปลาไหลที่ถูกจัดว่าสวยที่สุด หลายคนที่ดำน้ำแล้วเห็นมักจะนึกไปอีกทางว่าพวกมันคือสัตว์ทะเลสุดแปลกหรืออาจจะเป็นงูทะเลด้วยซ้ำ วันนี้ถึงเวลาแล้วที่พวกคุณควรจะได้รู้จักตัวตนของปลาไหลริบบิ้นสักที ทำความรู้จักกับ “ปลาไหลริบบิ้น” “ปลาไหลริบบิ้น” เป็นปลาทะเลแสนสวยที่อาศัยอยู่ตามมหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิก ในน่านน้ำไทยก็พบได้เช่นกัน แต่อาจจะน้อย พบได้มากที่สุดทางฝั่งทะเลอันดามันเป็นหลัก อยู่ในวงศ์ปลาไหลมอเรย์และเป็นปลาเพียงชนิดเดียวเท่านั้นที่อยู่ในตระกูล Rhinomuraena ที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจในด้านของลำตัวแบนพลิ้วเวลาว่ายน้ำคล้ายกับริบบิ้นที่ถูกลมตีจนชายเคลื่อนคดเคี้ยวอย่างสวยงามและมีปลายจมูกที่ขยายใหญ่ออกมามากกว่าปลาไหลชนิดอื่นด้วย โดยในวัยเด็กลำตัวของปลาไหลริบบิ้นจะเป็นสีดำ แต่เมื่อโตขึ้นตัวของมันจะกลายเป็นเพศผู้ร่างสีฟ้าสวยและบริเวณครีบกับปากจะเป็นสีเหลืองตัดกันมีขนาดยาวมากที่สุดอยู่ที่ 1 เมตรดูงดงามมาก แต่หากเมื่อถึงช่วงบั้นปลาย ตัวมันก็จะกลายเป็นสีเหลืองและแปรเปลี่ยนจากเพศผู้กลายเป็นเพศเมียไป หากบริเวณใดมีปลาไหลริบบิ้นเยอะ บริเวณนั้นก็มักจะเป็นจุดที่ผู้คนนิยมพานักท่องเที่ยวมาดำน้ำชมความงามของทะเลกันมาก เพราะมันเป็นปลาที่ช่วยสร้างสีสันให้ท้องทะเลและปะการัง การดำรงชีวิตของ “ปลาไหลริบบิ้น” “ปลาไหลริบบิ้น” โดยปกติแล้วมันมักจะชอบอาศัยในโพรงถ้ำ หลุมโคลน  ใต้ผืนทรายแห่งท้องทะเลเป็นหลักเพื่อซ่อนตัวและจำศีลบางเวลาอยู่ในที่ที่จะไม่มีผู้ล่าใด ๆ ยุ่งเกี่ยวกับมันและทำอันตรายได้ แต่เวลาออกหาอาหารนอกบ้านที่อยู่ ปลาไหลริบบิ้นก็จะพยายามว่ายและพรางตัวสลับกันอยู่ตามซอกปะการังหรือตามแนวหิน แต่หากมีการรุกล้ำหรือจะเข้ามาทำร้าย ปลาไหลริบบิ้นก็จะโผล่ออกมาเฉพาะหัวเท่านั้นพร้อมกับอ้าปากให้เห็นฟันเพื่อแสดงท่าทางขู่ให้ผู้ล่ากลัวจนหนีไปคล้ายกับงู อาหารสุดโปรดของ […]

“Porpita Porpita” สัตว์ทะเลสีฟ้าเจิดจรัสดุจพระอาทิตย์

“Porpita Porpita” สัตว์ทะเลสีฟ้าเจิดจรัสดุจพระอาทิตย์

โอ๊ะโอ! นี่มันตัวอะไรกันเนี่ย มีชีวิตหรือไม่มีชีวิต? แต่มองไปมองมาก็เคลื่อนไหวได้นะ แล้วทำไมจึงมีรูปร่างประหลาดเป็นวงกลมสีน้ำเงินแบบนี้? ยิ่งดูยิ่งอยากหาคำตอบ งั้นไหน ๆ คุณก็อยากหาคำตอบทั้งทีวันนี้เราจะมาบอกคุณแบบไม่ลับไม่กั๊กเองว่าเจ้าสัตว์ทะเลนี้คืออะไร แล้วทำไมจึงไม่มีใครเคยเห็นมันเลย แต่ก่อนที่จะได้มาบอกความลับในตัวตนของเจ้าสัตว์ทะเลนี้ เราขอเกริ่นสักนิดหน่อยถึงความน่าชื่นชมในนักสำรวจโลกที่ได้มีการนำทีมเข้าวิจัยและสำรวจทะเลที่ลึกลงหลากหลายมากยิ่งขึ้นจนทำให้เราได้รู้ว่าในโลกใบนี้ยังมีสัตว์มากมายที่แปลกประหลาดรอให้พิสูจน์อีกมากมายถึงการมีอยู่ ซึ่งมันคงยังไม่จบเท่านี้อย่างแน่นอน เราว่าบนบกมีสัตว์แปลกเยอะแล้ว ในมหาสมุทรกลับมีสัตว์แปลกที่เหมือนเราหลุดเข้ามาอยู่ในภาพยนตร์แฟนตาซีมากกว่าหลายเท่าจนคาดคิดไม่ถึง และเจ้าสัตว์ที่ชื่อว่า “Porpita Porpita” ก็เป็นหนึ่งในสัตว์ทะเลที่บ่งบอกถึงความก้าวหน้าด้านการสำรวจทะเลที่พัฒนามากขึ้น ใช่แล้วล่ะ สัตว์ทะเลที่คุณอยากรู้ว่าคืออะไรมันชื่อ Porpita Porpita นั่นเอง! ดูเหมือนสัตว์ที่หลุดออกมาจากอีกมิติ แต่ที่จริงมันก็อยู่มิติเดียวกันกับเรานี่ล่ะ เพียงแต่ซ่อนตัวเก่งก็เท่านั้น ทำความรู้จักกับ “Porpita Porpita” “Porpita Porpita” หรือ “Blue button” ถูกคนไทยรุ่นใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันก็เรียกว่า “แว่นตาพระอาทิตย์” เสียแล้ว นั่นก็เพราะว่าเจ้า Porpita Porpita เป็นสัตว์น้ำลักษณะตรงกลางเป็นวงกลมสีฟ้าน้ำเงินอมเขียวที่จุดศูนย์รวมเป็นสีเหลืองทองสว่างและมีหนวดสีฟ้าหลากหลายเส้นขนาดสั้นออกมาเต็มดวงกลมจนเหมือนแมงกะพรุน จัดอยู่ในสัตว์โฮโดรซัวไม่มีกระดูกสันหลังและสืบพันธุ์โดยการแตกหน่อคล้ายปลาดาว  พบในน่านน้ำเขตร้อนของ รัฐแคลิฟอร์เนีย ถึงน่านน้ำเขตร้อนของมหาสมุทรแปซิฟิก แอตแลนติก และมหาสมุทรอินเดียในระดับความลึก 1.2 x 20 เมตร อาศัยการเคลื่อนตัวโดยลอยน้ำด้วยแก๊สด้วยจุดกลางตัวแบน ซึ่งประเทศไทยสามารถพบได้มากทางแถบภาคใต้ แต่จะไม่ค่อยเห็นตัวนัก  […]

“Parrotfish” ปลาสวยผู้เป็นเจ้าหญิงแห่งแนวปะการัง

“Parrotfish” ปลาสวยผู้เป็นเจ้าหญิงแห่งแนวปะการัง

เชื่อว่าพวกคุณอาจจะเคยเห็นผลาที่มีสีสันสวยงามหลากหลายในตัวเองตามการ์ตูนแอนิเมชั่นโลกใต้สมุทรหลายเรื่อง ซึ่งเราเองก็เช่นกัน จำได้ว่าตัวเองประทับใจกับสีสันของปลามากมายจากในการ์ตูนเรื่อง “Shark Tale”มากจนตอนนั้นมีตุ๊กตาปลาสะสมไว้หลายตัวแล้วพูดกับพวกเขาบ้าง แต่พอโตมาก็คิดว่าในโลกใต้สมุทรที่แท้จริงจะมีปลาที่สีสันสวยงามแบบนี้ไปได้หรือ? แต่ปรากฏว่ามันคือเรื่องจริง! ทันทีที่เราได้พบเห็นเรื่องราวที่น่าสนใจของปลาทะเลที่ได้ฉายาว่าเป็น “เจ้าหญิงแห่งแนวปะการัง”อย่าง “Parrotfish”ก็ทำให้ถึงกับตื่นเต้นเป็นที่สุดกับสีสันของตัวปลานี้ที่หากมองดูผ่าน ๆ ก็อาจจะนึกว่ามีใครใส่ผ้าไหมหรือหางนางเงือกสวย ๆ มาดำลงใต้ทะเลซะแล้ว เพราะปลา Parrotfish มีสีสันที่แปลกตาแตกต่างกันออกไปเยอะมากจนอาจเรียกได้ว่าทุกตัวมีความโดดเด่นสง่างามในตัวเองจนสามารถแข่งกันสวยเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายในอาณาจักรนั้น ๆ ที่ตัวเองอยู่ได้เลย ทำความรู้จักกับ “ปลา Parrotfish” “ปลา Parrotfish” หรือ “ปลานกแก้ว” เป็นปลาดุกชนิดหนึ่งที่มีสายพันธุ์มากถึง 90 สายพันธุ์ในทะเลอินโด – แปซิฟิกซึ่งจะอาศัยอยู่ตามปะการังและพื้นหญ้าทะเลเพื่อดำรงชีวิตและหาอาหารได้ โดยปลา Parrotfish มีลำตัวโตเต็มวัยยาวขนาด 30 – 50 เซนติเมตร แต่บางตัวก็อาจจะตัวเล็ก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ด้วย แต่ความโดดเด่นที่เมื่อใครพบเห็นก็ต้องประทับใจ คือ สีสันบนตัวของปลา Parrotfish ที่ตามเกล็ดจะมีเนื้อมันเงางามเปล่งประกายและครีบกับลำตัวส่วนหน้าและหางจะมีสีสันที่หลากหลายเป็นลวดลายที่น่าจับตามองมาก ไม่ว่าจะเป็นสีชมพู สีฟ้า สีเขียว สีเหลือง หรือสีสลับกันเป็นมิติคล้ายลวดลายผ้าไหมมาก และด้วยความที่เกล็ดของมันมักจะเป็นสีเทาธรรมชาติท่ามกลางสีลำตัวจึงถูกนำมาเปรียบเทียบกับความงดงามที่เหมือนขนนกแก้วด้วยประการฉะนี้ การดำรงชีวิตของ “ปลา Parrotfish” “ปลา […]

“Dhole” สุนัขจิ้งจอกเอเชียใต้แสนสง่างาม

“Dhole” สุนัขจิ้งจอกเอเชียใต้แสนสง่างาม

หลายคนคงกำลังตกหลุมรักภาพจำของสุนัขจิ้งจอกที่มีตัวสั้น ขนสีแดง ตาตี่เล็ก จมูกยาวน่ารัก ๆ แบบจิ้งจอกญี่ปุ่นกันอยู่แน่เลย เพราะสายสุนัขจิ้งจอกอย่างเราไม่เคยพลาดที่จะได้ไปชมจิ้งจอกจากทั่วทุกสารทิศโดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นที่ได้ชื่อว่ามีสวนสัตว์ที่เปิดให้เข้าไปให้อาหารและถ่ายรูปเล่นกับน้องจิ้งจอกกันได้หลากหลายรูปมาก แค่เห็นก็รู้สึกรักแล้วในทุกวันที่ได้เจอ หรือแม้จะมีจิ้งจอกอื่นเราก็ยังมองว่าน่ารักอยู่ดี แต่ลองมาเป็นสุนัขจิ้งจอก “Dhole”ที่เราจะนำเรื่องราวของพวกมันมาบอกเล่าให้คุณได้รู้ในวันนี้สิ แล้วคุณจะเกิดความคิดเลยว่า สุนัขจิ้งจอก Dhole ช่างดูสง่างามมากกว่าจะดูน่ารักเสียอีก ไม่ว่าจะเป็นการยืนหรือการนั่งที่เหมือนราชา แต่ว่ามันอยู่ที่ไหน? แล้วเรื่องราวของมันน่าสนใจให้ค้นหาอย่างไรบ้าง เรามาสำรวจเจ้าสุนัขจิ้งจอกแดนเอเชียใต้อย่าง Dhole กันเลยดีกว่า  ทำความรู้จักกับสุนัขจิ้งจอก “Dhole” สุนัขจิ้งจอก “Dhole” หรือ “หมาแดง” เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตระกูลสุนัขที่พบอาศัยอยู่ตามบริเวณทั่วไปของป่าทึบบนภูเขา ป่าอัพไพน์ และตามป่าไม้พุ่มต่าง ๆ ในทุกประเทศของทวีปเอเชียใต้ โดยเฉพาะป่าในอินเดีย มีขนาดลำตัวใหญ่กว่าสุนัขจิ้งจอกเล็กน้อยทั่วไป มีใบหูขนาดกลมใหญ่ จมูกแหลมแต่สั้น ปากสั้นทำให้มองดูสามารถเห็นสีหน้าของมันได้อย่างชัดเจน มีความแอบคล้ายสุนัขบ้านในชีวิตประจำวันเล็กน้อย ลำตัวของ Dhole จะถูกปกคลุมด้วยขนสีน้ำตาลแดง ปลายหางมีความสวยงามของขนที่ยาวฟูเป็นพวงอ่อนแบบกระรอกและมีปลายหางสีเทาเข้ม โดยน้ำหนักตัวส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 15 – 20 กิโลกรัม ลำตัวมีความยาว 90 เซนติเมตร มีฟัน 42 ซี่ที่แข็งแร่งและกรามใหญ่มากพอจะทำให้ Dhole มีคุณสมบัติของนักล่าที่สง่างามครบสมบูรณ์เลย […]

เรื่องราวของ “อนาคอนด้า” งูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

เรื่องราวของ “อนาคอนด้า” งูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

เชื่อว่าหากคุณเป็นคนที่ชอบศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์แปลก ๆ ที่อยู่ตามธรรมชาติจริงก็ย่อมต้องรู้จักกับ “งูอนาคอนด้า” ที่เป็นงูขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้ เพราะงูอนาคอนด้าเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกนับตั้งแต่ภาพยนตร์ฝรั่งเรื่อง “อนาคอนด้า”ได้ออกฉายไปซึ่งสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้แก่ทุกคนเป็นอย่างมาก ขึ้นชื่อว่า “งู” ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้วว่าเป็นสัตว์ใหญ่ไว้ใจไม่ได้ แต่คงไม่มีงูใดจะน่ากลัวไปกว่างูอนาคอนด้าที่เขาว่ากันว่าสามารถกินคนทั้งเป็นก็ยังได้ หากใครเจอก็ไม่ควรไปอยู่ใกล้และควรจะรีบถอยห่างให้เร็วที่สุดเพราะงูตัวนี้ก็มีประสาทสัมผัสที่ดีมาก สามารถจู่โจมเหยื่อได้อย่างไม่คาดคิดเลยทีเดียว เห็นแบบนี้แม้จะกลัวแต่เรื่องราวเกี่ยวกับงูอนาคอนด้าก็ยังคงเป็นที่น่าค้นหาสำหรับหลายคนอยู่ใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นวันนี้เราจะนำคุณมารู้ข้อมูลชวนน่าสนใจของงูอนาคอนด้าให้มากขึ้นกัน…เพราะมันมีอีกหลายอย่างที่น่าทึ่งจนคุณอาจคาดคิดไม่ถึง ทำความรู้จักกับ “งูอนาคอนด้า” “งูอนาคอนด้า” เป็นงูที่ได้ชื่อว่า “งูขนาดใหญ่ที่สุดในโลก” โดยเฉพาะพันธุ์งูอนาคอนดาเขียวที่รู้จักกันมากที่สุดในหมู่ผู้คนและนักเดินป่า โดยเฉลี่ยจะมีความยาวของลำตัวอยู่ที่ 4.6-5.2 เมตร จากผลการสำรวจที่ผ่านมาล่าสุดค้นพบว่างูอนาคอนด้าตัวที่ยาวที่สุดในโลกพบว่ามีขนาด 8.5 เมตร มีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 100 กิโลกรัม และหนักถึง 250 กิโลกรัมทีเดียว ลวดลายของงูอนาคอนด้าจะเป็นลำตัวสีน้ำตาลเหลืองและลายสีดำ ที่อยู่อาศัยของงูอนาคอนด้าจะอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำและป่าดิบชื้นต่าง ๆ ในทวีปอเมริกาใต้ อาทิเช่น ป่าอเมซอน บราซิล โบลิเวีย กายอานา ในหนองน้ำหรือบึงขนาดใหญ่ที่ระบบนิเวศสมบูรณ์ มันมักจะอาศัยอยู่ในน้ำหรือซ่อนตัวในโคลนเพื่อล่อเหยื่อให้มาติดกับมากกว่าจะเลื้อยไปมาอยู่บนบกเหมือนงูชนิดอื่น เนื่องจากน้ำหนักตัวที่เยอะทำให้การเคลื่อนไหวบนบกเป็นไปด้วยความเชื่องช้า แต่จะว่องไวมากเมื่ออยู่ในน้ำ อันตรายจาก “งูอนาคอนด้า” “งูอนาคอนด้า” สามารถหายใจและมองเห็นเหยื่อในขณะที่อยู่ใต้น้ำซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาณาเขตของมันได้ มีเทคนิคในการเป็นผู้ล่าที่แอบซับซ้อนบางทีก็จู่โจมอย่างไม่คาดคิดหากเหยื่อไม่ทันระวังหรือจับได้ง่าย แต่บางครั้งก็จะวางแผนได้อย่างแยบยลโดยพรางตัวกับผืนน้ำและเคลื่อนตัวไปล้อมรอบการเดินของเหยื่อก่อนจะจัดการฆ่าโดยใช้ลำตัวบีบรัด ก่อนจะคาบเหยื่อแล้วลากลงไปในน้ำเพื่อให้เหยื่อจมน้ำตาย หรือบางทีก็จะกัดด้วยฟันและขากรรไกรที่แข็งแรงและกลืนลงท้องไปจนเหยื่อบางรายก็ยังไม่ทันได้รู้ตัว แม้จะเป็นงูที่ไม่มีพิษ […]

แปลกแต่จริง! “กบบินวอลเลซ” หนึ่งในสัตว์แปลกที่ซ่อนตัวในป่าอินโดนีเซีย

แปลกแต่จริง! “กบบินวอลเลซ” หนึ่งในสัตว์แปลกที่ซ่อนตัวในป่าอินโดนีเซีย

โลกของเรายังกว้างเกินกว่าที่มนุษย์ที่คิดว่าตัวเองสมบูรณ์แบบทุกอย่างในด้านสติปัญญาจะพูดกับคนอื่นได้ว่าตัวเองรู้จักสัตว์ทุกชนิดในโลก เพราะขนาดนักสำรวจสัตว์และนักสำรวจทรัพยากรธรรมชาติเองก็ยังลงพื้นที่ได้ไม่ครอบคลุมทุกตารางนิ้วในโลกจึงไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดได้ว่าในโลกเราจะมีแต่สัตว์ทั่วไปอย่างที่เราเคยเห็นในชีวิตประจำวันเท่านั้น ยิ่งนานวันที่พวกเขาทำการสำรวจในพื้นที่ลึกลับซับซ้อนอย่างที่ไม่เคยมีใครได้เข้าถึงมากขึ้นและมีแหล่งค้นหาข้อมูลมากว่าสมัยก่อนก็ยิ่งทำให้เราได้รู้ว่ายังมีสัตว์แปลกอีกมากมายที่เราคาดไม่ถึงว่าในโลกนี้จะได้เห็น และสัตว์ที่เราอาจเคยเห็นในภายนตร์หรือมาจากจินตนาการของผู้แต่งเรื่อง บางทีมันอาจจะมีจริวก็ได้ เพียงแต่พวกเรายังไม่เคยได้ค้นพบเท่านั้น ขนาดแค่ “กบบินวอลเลซ” ที่เป็นสัตว์ป่าอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ไม่ไกลจากประเทศบ้านเรา คนส่วนใหญ่ก็ยังเพิ่งมารู้จักกันในวันนี้เลย นับเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่มีความน่าทึ่งสูงมาก ใครเล่าจะไปคิดว่ากบสามารถบินได้! ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วเราจะพาทุกคนมารู้จักกับเจ้ากบบินวอลเลซกันสักหน่อยดีกว่า ทำความรู้จักกับ “กบบินวอลเลซ” “กบบินวอลเลซ” เป็นกบขนาดใหญ่ลำตัวยาว 80-100 มิลลิเมตร ที่อยู่ในวงศ์เขียดตะปาดยุคดึกดำบรรพ์ที่ในเวลานี้หาได้ยากแล้วหากไม่ใช่ในพื้นที่ป่าดิบชื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงอย่างคาบสมุทรมาเลย์ในภาคตะวันตกของอินโดนีเซีย เกาะบอร์เนียว และเกาะสุมาตรา โดยลักษณะลำตัวด้านหลังของกบบินวอลเลซจะมีสีเขียวสดใสสามารถพรางตัวตามใบไม้สีเขียวได้ดีและช่วงท้องจะมีสีออกขาวดรอปไปทางเหลืองซีด ส่วนด้านบนของนิ้วเท้าด้านในจนถึงส่วนด้านนอกของนิ้วเท้าและปลายนิ้วจะเป็นสีเหลืองสดใส ตาโต แก้วหูใหญ่ มีพังผืดขอบบางที่ออกมาจากผิวหนังคล้ายปีกที่มีขนาดกว้างมากในการช่วยยึดระหว่างแขนขาทำให้มีความยืดหยุ่นจนเกิดความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่ไม่มีกบตัวไหนเหมือนได้ ความสามารถของ “กบบินวอลเลซ” “กบบินวอลเลซ” ในเวลาปกติขาของพวกมันจะไม่ต่างจากกบทั่วไป แต่เมื่อถึงเวลาที่พวกมันต้องการหรือต้องหนีจากที่สูง กบบินวอลเลซจะทำการปล่อยพังผืดขอบบางที่ซ่อนอยู่ออกมาจากผิวหนังช่วยยึดระหว่างแขนขาเป็นร่มพยุงการลอยเมื่อมันกระโดดลงจากที่สูงบนต้นไม้เพื่อลงสู่พื้นได้อย่างปลอดภัยซึ่งมันสามารถบินได้สูงถึง 50 ฟุต ทำให้กบวอลเลซถูกตั้งฉายาว่า “กบบินได้” และยังสามารถกำหนดทิศทางที่จะลงไปสู่ตำแหน่งบนพื้นที่สูงในระดับต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำด้วย ไม่ว่าจะเป็นการลงพื้นหรือไปอยู่บนต้นไม้ถัดไป อีกทั้งยังช่วยยึดเกาะต้นไม้ได้แน่นหนาด้วย อาหารสุดโปรดของ “กบบินวอลเลซ” “กบบินวอลเลซ” มีอาหารสุดโปรดที่พวกมันล่าเพื่อดำรงชีวิตในป่าผืนใหญ่ ได้แก่ แมลงหลากหลายชนิด นกขนาดเล็ก และคางคกที่อยู่บริเวณใกล้เคียง กบบินวอลเลซสามารถจัดการพวกมันได้ด้วยลิ้นยาวและการกระโจนภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว […]

เลือกรักษาสัตว์เลี้ยงคุณที่ไหนดีระหว่าง “คลินิก” กับ “โรงพยาบาล”

เลือกรักษาสัตว์เลี้ยงคุณที่ไหนดีระหว่าง “คลินิก” กับ “โรงพยาบาล”

นับเป็นปัญหาที่มีมาอย่างนาวนานมากสำหรับตัวเลือกการรักษาสัตว์เลี้ยงของเราที่เวลาป่วย หลายคนก็ต้องตัดสินใจเลือกอย่างยากลำบากว่าควรจะพาสัตว์ตัวเองไปรักษาตัวที่ไหนดีระหว่าง “คลินิกสัตว์” กับ “โรงพยาบาลสัตว์” เพราะในอดีตตอนที่การรักษาสัตว์เริ่มเข้ามาช่วงแรก ๆ เราก็มีแต่คลินิกสัตว์ตามชุมชนต่าง ๆ ทำให้คนไทยจะคุ้นเคยและให้ความไว้วางใจในคลินิกสัตว์มากกว่าโรงพยาบาลสัตว์ที่ดูมีระบบดี แต่ก็ดูไม่ใกล้ชิดกับเรามากนัก ในขณะเดียวกันกับคนรุ่นใหม่มากมายที่นิยมพาสัตว์เลี้ยงไปรักษาในโรงพยาบาลของสัตว์และต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าโรงพยาบาลสัตว์ดูแลสัตว์เลี้ยงของผู้ที่มาใช้บริการดี มีบ้านให้น้องอยู่ พร้อมความสะดวกสบายที่ครบครันทำให้ทุกคนหันเหความสนใจไปที่โรงพยาบาลสัตว์กันหมดตั้งแต่การฉีดวัคซีนจนถึงการให้สัตว์เลี้ยงแอดมิน  ด้วยปัญหาความคิดของคน 2 ฝั่งที่ไม่เหมือนกันทำให้แหล่าคนรักสัตว์เลี้ยงมือใหม่ต่างก็คิดไม่ตกว่าควรจะพาสัตว์ตัวเองไปรักษาตัวที่ไหนดีระหว่าง “คลินิกสัตว์” กับ “โรงพยาบาลสัตว์” วันนี้เราจึงถือโอกาสมาบอกเล่าการรักษาที่แตกต่างกันของ 2 สถานที่นี้ให้ทุกคนได้รู้กันเพื่อเลือกการรักษาที่ถูกต้องแก่สัตว์เลี้ยงของคุณ คลินิกสัตว์ “คลินิกสัตว์” เป็นสถานพยาบาลสัตว์ที่มีสัตวแพทย์เป็นผู้ดูแลเพียงท่านเดียวให้บริการตรวจ  ป้องกันรักษาโรคสัตว์  และผ่าตัดเล็กในสัตว์ที่มีความผิดปกติจำเป็นต้องได้รับการรักษา โดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีห้องพักค้างคืนสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มาเข้ารับการรักษา ถึงบางที่จะมี พื้นที่ก็ค่อนข้างจำกัดและแคบ อีกทั้งผู้เลี้ยงยังอาจต้องนำกรงหรือบ้านสัตว์ขนาดพกพามาเองด้วยหากจะฝากให้ทางคลินิกรับเขาค้างคืนดูอาการ โดยจะต้องจ่ายค่าบริการตรวจค่าทางโลหิตวิทยาและค่าเคมีโลหิตด้วย เพื่อตรวจสอบอาการและวินิจฉัยเพิ่มเติมอย่างใกล้ชิด โรงพยาบาลสัตว์ “โรงพยาบาลสัตว์” เป็นสถานพยาบาลสัตว์ขนาดใหญ่ที่มีบุคลากรสัตวแพทย์หลายท่านพร้อมผู้ช่วยให้บริการตรวจ  ป้องกันรักษาโรคสัตว์  และมีการให้บริการผ่าตัดเหมือนกับคลินิก แต่โรงพยาบาลสัตว์จะมีบริการที่ครบครันและเทคโนโลยี เครื่องมือทางการแพทย์ครบวงจรในการผ่าเล็ก  ผ่าตัดใหญ่  ตรวจค่าทางโลหิตวิทยา ค่าเคมีโลหิต  และการตรวจโรคด้านอื่นของสุนัขที่สามารถตรวจ ได้รับผลที่ชัดเจนอย่างรวดเร็ว สามารถให้การรักษาได้ทันที มีการเอ็กซเรย์ มีบริการที่พักให้สัตว์เลี้ยงของคุณที่ป่วยค้างคืนด้วยหากสัตวแพทย์วินิจฉัยแล้วพบว่าอาการสัตว์เลี้ยงของคุณหนักจนต้องเฝ้าดู คอยรักษาใกล้มือหมอซึ่งจะมีสัตวแพทย์ทั่วไปและสัตวแพทย์เฉพาะด้านหมุนเวียนมาดูอาการและให้คำปรึกษาร่วมกันด้วย ฉะนั้นแล้ว หากสัตว์เลี้ยงของคุณป่วยหนัก เราแนะนำให้ไปโรงพยาบาลสัตว์จะปลอดภัยและทันท่วงทีมากกว่า เรื่องค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่าคลินิกหน่อย แต่หากมองถึงความครอบคลุมในการรักษาแล้วถือว่าคุ้มมากทีเดียว […]

“ดิก-ดิก” สัตว์ 4 ตาสุดลึกลับแห่งทุ่งหญ้าสะวันนา

“ดิก-ดิก” สัตว์ 4 ตาสุดลึกลับแห่งทุ่งหญ้าสะวันนา

หากจะกล่าวถึงสัตว์ 4 ตาแล้วเชื่อว่าบางคนน่าจะรู้มาบ้างว่าไทยเราก็เคยมีความเชื่อว่าตามป่าหิมพานต์มีสัตว์ที่มีลักษณะใกล้เคียงคล้ายกับตัวนาก มี 4 หู แต่ 5 ตาเลยทีเดียวซึ่งก็เป็นแค่เรื่องเล่าตามความเชื่อสืบต่อกันมา แต่ยังไม่เคยพบว่ามันจะมีจริง แต่สำหรับทางแถบทวีปแอฟริกานั้นกลับมีสัตว์ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า “ดิก-ดิก” ซึ่งมีตา 2 ข้างแบบสัตว์ทั่วไป แต่ก็มีลวดลายตรงตาเป็นลักษณะกลมดำเหมือนตาสัตว์ด้วยเช่นกัน มันจึงถูกเรียกว่า “สัตว์ 4 ตาที่มีจริงในโลก” แม้จะเป็นเพียงแค่ลวดลายจากการสำรวจ แต่บางความเชื่อของคนพื้นเมืองกลับมองว่า ลายกลมคล้ายตาของดิก-ดิกแท้จริงมันคือตาลึกลับที่จะเปิดออกมาได้เมื่อโลกบ่งบอกถึงความผิดปกติและตามวาระพิเศษต่าง ๆ ทำให้ดิก-ดิกมีความน่าค้นหามากในการมาเยือนเที่ยวตามทุ่งหญ้าสะวันนา ทำความรู้จักกับ “ดิก-ดิก” “ดิก-ดิก” เป็นสัตว์ประเภทกวางพื้นเมืองที่มีเขาเหมือนแพะซึ่งนักสำรวจและคนพื้นเมืองได้เรียกสัตว์แบบนี้เป็นภาษาตัวเองว่า “สัตว์ประเภทแอนทิโลป” โดยดิก-ดิกนั้นจะเป็นแอนทิโลปขนาดเล็ก ลำตัวสีน้ำตาลยาว 56 เซนติเมตรเท่านั้น ความยางของหาง 5 เซนติเมตร หูตั้ง ดวงตาโตยาวรีได้รูปเชื่อมกับลวดลายกลมสีดำตรงตาที่เหมือนเป็นอีกดวงตาเล็ก ๆ เสียงร้องครางใส แหลมเล็กคล้ายนก และมีชีวิตอยู่ได้ไม่มากไปกว่า 10 ปี มักชอบอยู่ตามทุ่งหญ้าสะวันนาทางแถบแอฟริกาและตะวันออก มีนิสัยที่กลัวคน รักสันโดษบ้างก็อยู่รวมกันเป็นฝูงไม่ใหญ่นัก การดำรงชีวิตของ “ดิก-ดิก” “ดิก-ดิก”จะออกหาอาหารในเวลากลางวันโดยใช้วิธีการค่อย ๆ เดินย่องลัดเลาะตามพุ่มไม้ที่เป็นหนามแหลมจำพวกอะเคเซียที่เชื่อมกับทุ่งหญ้าสะวันนาเพื่อพรางตัวและหลบซ่อนตัวจากนักล่าอย่างพวกไฮยีนา, สิงโต, แมวป่า, […]

“Sea Monkey” สัตว์น้ำจิ๋วผู้ร่าเริงท่ามกลางจุดจบที่อันตราย

“Sea Monkey” สัตว์น้ำจิ๋วผู้ร่าเริงท่ามกลางจุดจบที่อันตราย

หากกล่าวถึงสัตว์น้ำสุดแปลกที่เวลานี้กำลังเป็นสัตว์เลี้ยงที่นิยมกันทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นในหมู่คนเลี้ยงปลา หมู่แวดวงเซเลบ ครอบครัวที่มีลูกเด็กเล็กแดง หรือคนอื่น ๆ ที่ชอบทำกิจกรรมยามว่างก็ต้องพูดถึงสัตว์น้ำจิ๋วอย่าง “Sea Monkey”เลย เพราะนอกจากลำตัวมันที่แปลกและเล็กจนแทบมองไม่เห็นแล้วหากไม่จ้องดูดี ๆ เรื่องราวของมันก่อนที่มนุษย์จะได้มารู้จักเจ้าสัตว์น้ำนี้อย่างแพร่หลายก็ค่อนข้างน่าสนใจมากทีเดียวจนบอกได้เลยว่าไม่ควรพลาดที่จะได้อ่านในบทความนี้ ทำไมมันถึงถูกเรียกว่า “ลิงน้ำ” แล้วทำไมผู้คนถึงชอบเลี้ยงมันมากขนาดนี้ มีอะไรที่ทำให้มันดูพิเศษกว่าสัตว์น้ำสุดแปลกชนิดอื่น วันนี้เราจะมาบอกเล่ากันแล้วบางทีคุณอาจจะอยากไปซื้อเจ้า Sea Monkey มาเลี้ยงเป็นสีสันให้แก่บ้านบ้างก็ได้ บอกเลยว่าน้องน่ารักและเลี้ยงไม่ยากแน่นอนสำหรับคนที่มีเวลาน้อย ทำความรู้จักกับ “Sea Monkey” “Sea Monkey” หรือ “ไรทะเล” เป็นสัตว์น้ำประเภทครัสเตียนในตระกูลของ Artemia ที่เกิดจากการผสมพันธุ์เทียมในกระบวนการทดลองของนักประดิษฐ์ผู้เลื่องชื่ออย่าง “Harold von Braunhut” ในปี 1957 ที่เขาได้นำสัตว์สายพันธุ์ Artemia salina มาผ่านการผสมพันธุ์ลูกผสมแบบ cryptobiosis จนเกิดเป็น Sea Monkey ซึ่งถือเป็นสัตว์เลี้ยงสำเร็จรูปเพียงตัวเดียวในโลกซึ่งมีลำตัว 15 มิลลิเมตร หางคล้ายลิงมีแพน ขามีหลายขา กระดูกเปลือกแข็ง มีหนวดคู่ยาว 2 คู่ในการรับความรู้สึก ลำตัวสีน้ำตาลอาศัยอยู่ในน้ำซึ่งตอนเด็กจะเห็นมันยากมากจนต้องส่องแว่นขยาย แต่หากเราให้อาหารบ่อย ๆ […]

“Scorpionfly” แมงป่องบินได้ที่แสนงดงาม

“Scorpionfly” แมงป่องบินได้ที่แสนงดงาม

หากจะพูดถึงสัตว์อสรพิษที่เป็นหนึ่งในชนิดที่ใครต่อใครก็รู้จักและกลัวกันมากย่อมต้องหนีไม่พ้น “แมงป่อง”อยู่แล้ว บางคนที่ถูกกัดหากแพ้แล้วล่ะก็ถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลแล้วช็อกได้เลย ฉะนั้นในประเทศที่เต็มไปด้วยป่าไม้หรือแม้แต่ชุมชนที่อยู่ใกล้ป่าชื้น ๆ มีฝนตกบ่อย ๆ จึงต้องมีการปิดประตูและอุดช่องว่างของบ้านทุกรูให้มิดชิดเพื่อไม่ให้แมงป่องเข้ามาในบ้าน อีกทั้งยังต้องมีการตรวจดูผ้าปูที่นอนของตัวเองให้ดีเพื่อการันตีว่าจะไม่มีแมงป่องซ่อนตัวอยู่และไต่มาต่อยเราจนได้รับพิษในยามที่พักผ่อน แน่นอนว่าหากเป็นแมงป่องทั่วไป เรายังสามารถป้องกันได้ไม่ยากด้วยวิธีเหล่านี้ แต่…หากแมงป่องที่คุณต้องเผชิญหน้าเป็น “แมงป่องบินได้”ล่ะ! คุณจะทำเช่นไร จะสู้ด้วยไม้เบสบอลหรือจะหนีไม่ตั้งหลักก่อนดีกับสัตว์สุดแปลกที่ไม่คิดว่าในโลกเราจะมีด้วย ทำความรู้จักกับ “Scorpionfly” “Scorpionfly” หรือ “Mecoptera” เป็นแมงในชั้น Endopterygota superorder ที่มี 600 ชนิดทั่วโลกและแมงป่องบินนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในตระกูล Panorpidae แล้ว โดยตัวผู้จะมีหางที่โด่งขึ้นบริเวณอวัยวะเพศที่ขยายใหญ่มากเมื่อโตเต็มวัยดังเช่นอวัยวะอื่น ๆ ทั่วร่างกายสีดำที่ฐานเป็นสีส้มน้ำตาลซึ่งดูคล้ายกับเหล็กในของแมงป่อง มีจงอยปากแหลม ตัวลีบยาวขนาด 2 – 35 มิลลิเมตร หูสองข้างตั้งชี้ ปีกวงรียาวระนาบตัวเป็นลายสวยงาม ทว่าเห็นดูน่ากลัวเช่นนี้แต่ความจริงคือ “มันไม่มีพิษแต่อย่างใด” จึงไม่ต้องกลัวว่าจะสร้างอันตรายให้แก่คุณ คุณสามารถพบแมงป่องบินได้ หรือ Scorpionfly ตามบริเวณประเทศที่อุดมไปด้วยทุ่งหญ้าเขตร้อนชื้น และพบบ่อยมากที่สุดจากการรายงานก็มีที่เกาะมาดากัสการ์ ไต้หวัน และญี่ปุ่น การดำรงชีวิตของ “Scorpionfly” “Scorpionfly” มักออกหาอาหารตามต้นไม้และใบไม้อยู่ตลอดเวลา รักความสันโดษ แต่เมื่อถึงเวลาที่ใกล้เข้าสู่การผสมพันธุ์ […]

“แมวน้ำช้าง” อุ๋งอุ๋งยักษ์ผู้แสนซน

“แมวน้ำช้าง” อุ๋งอุ๋งยักษ์ผู้แสนซน

“เธอเข้ามาอ้อนทำเหมือนว่าอุ๋ง เธอเข้ามาตกหัวใจ มาตกให้ฉันอุ๋ง ฉันมะงึกทั้งหัวใจ” แค่ได้ยินเสียงเพลงนี้ไม่ว่าใครก็เห็นภาพของแมวน้ำตัวอวบน่ารักสายตาบ้องแบ๊วในห้วงความคิดของตัวเองกันอย่างแน่นอน แต่ในวันนี้เราจะพาพวกคุณมารู้จักกับแมวน้ำอีกชนิดหนึ่งที่น้องอาจจะไม่ได้มีหน้าตาที่น่ารักมากเหมือนแมวน้ำทั่วไปที่เราเคยเห็นตามสวนสัตว์หรือตามสารคดีขั้วโลกกัน เพราะนอกจากลักษณะร่างกายจะดูเด่นน้อยกว่าแมวน้ำสีขาวน่ารักแล้ว บางคนกลับนึกว่าน้องไม่ใช่แมวน้ำด้วยเสียอีก ทั้งที่ความจริงแล้ว “แมวน้ำช้าง” มีความน่าสนใจในตัวของน้องเองแท้ ๆ แต่กลับถูกใครต่อใครมองข้ามกันหมดเลย แบบนี้ไม่ได้แล้ว! เราต้องทำให้โลกได้รู้จักน้องแมวน้ำช้างเหล่านี้ให้มากขึ้นเพื่อที่น้องจะได้กลายเป็นสีสันแห่งโลกในอีกส่วนหนึ่งให้พวกเราอย่างที่พวกเขาควรจะเป็น ไม่ใช่อยู่นอกวงโคจรแบบนี้ เอาล่ะว่าแล้วเราก็ไปดูชีวิตของแมวน้ำช้างกันเลยดีกว่า ทำความรู้จักกับ “แมวน้ำช้าง” “แมวน้ำช้าง” หรือ “ช้างน้ำ” เป็นแมวน้ำขนาดใหญ่ตัวอ้วนที่มีเทียบเท่ากับวอลรัสได้ น้ำหนักมากถึง 4,000 กิโลกรัม อยู่ในตระกูล Mirounga ไม่มีเขี้ยว จมูกอวบย้อยลงมาอย่างน่าประหลาด ตัวออกสีเทาหม่นมีความนุ่มนิ่ม ชั้นไขมันหนา และร่างกายมีความย่นจนอาจดูไม่ได้สวยงามเท่ากับแมวน้ำทั่วไปแต่เพราะลำตัวที่ใหญ่จึงทำให้มันมีความอลังการเวลาเห็นตัวเต็มมาก โดยคุณสามารถพบแมวน้ำช้างได้ทางซีกขั้วโลกใต้และซีกขั้วโลกเหนือ แต่อาจจะมีน้อยมากแล้วเพราะแมวน้ำชนิดนี้เป็นแมวน้ำสายพันธุ์โบราณที่เริ่มมีจำนวนน้อยลงเมื่อโลกเราเข้าสู่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และมักจะไม่ค่อยเปิดตัวมาเข้าหามนุษย์แบบออดอ้อนอุ๋ง ๆ มากนัก  การดำรงชีวิตของ “แมวน้ำช้าง” “แมวน้ำช้าง” มักจะใช้ชีวิตอยู่ตามริมฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกและบริเวณเกาะหรือภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่มีมนุษย์มาเยือนน้อย โดยนั่งตากลมและตัวผู้จะเล่นกับตัวเมียที่เป็นคู่ของมันแบบกระหนุงกระหนิงซุกซนขณะที่นั่งบนบกโดยเฉพาะช่วงฤดูผสมพันธุ์ในฤดูใบไม้ผลิที่จะมีการร้องเสียงดังให้คู่ตัวเองด้วย ทำเอาใครต่อใครที่พบเห็นก็มักจะเขินกันมากเลยทีเดียว แต่พอถึงเวลาของอาหาร แมวน้ำช้างก็จะลงไปใต้ทะเลเพื่อค้นหาอาหารของมัน โดยพวกมันสามารถเก็บออกซิเจนไว้ได้มากเพื่อใช้ในการดำน้ำและสามารถดำน้ำได้ลึกมากกว่าที่คุณคิด อีกทั้งยังมีดวงตากลมโตที่ทำให้สามารถรับแสงได้เมื่ออยู่ที่ที่มีแสงน้อยอย่างใต้น้ำซึ่งมันจะสายตาดีกว่าแมวน้ำชนิดอื่นมาก อาหารสุดโปรดของ “แมวน้ำช้าง” “แมวน้ำช้าง” มักจะกินปลาที่อยู่ตามชายฝั่งทั้งปลาเล็กและปลาน้อยหากพวกมันอยู่ในช่วงที่ไม่หิวมาก ยกเว้นเวลาที่มีการกักตุนอาหารหรือเวลาที่ต้องการพลังงานมาก พวกมันก็ดำน้ำระดับลึกมากเพื่อไปจับเหยื่อที่เป็นพวกปลาหมึกมากินแบบรวดเร็วและคาบปลาหมึกใหญ่มาให้ตัวเมียได้ด้วย […]

“ปลางวงช้าง” ปลาสุดแปลกผู้ซ่อนตัวจากสีของน้ำเก่ง

“ปลางวงช้าง” ปลาสุดแปลกผู้ซ่อนตัวจากสีของน้ำเก่ง

ไหนใครเป็นสายชอบดูปลายกมือขึ้น! หลายคนเลยนะเนี่ยที่เข้ามาอ่านบทความนี้ตามสไตล์เลือดนักสำรวจปลาแปลกที่หยุดรู้ไม่ได้ว่าในแหล่งน้ำสถานที่ต่าง ๆ จะมีสิ่งมีชีวิตลึกลับใดซ่อนตัวอยู่บ้าง เพราะอย่างที่รู้ว่าใต้น้ำมักจะกว้างขวางและมีสภาพแวดล้อมหลายสิ่งหลายอย่างที่เราต่างก็เห็นมากมายทั้งธรรมชาติและสัตว์น้ำหลากหลายซึ่งบ้างก็ออกมาให้เห็นแต่บ้างก็ซ่อนตัวอยู่ทำให้สำรวจหรือสังเกตเห็นโดยบังเอิญค่อนข้างยากกว่าอยู่บนบก อี กทั้งด้วยอากาศใต้น้ำและความเลือนลางของบรรยากาศบาดาลทำให้เราไม่สามารถอยู่สำรวจสิ่งมีชีวิตได้นานจึงเป็นที่น่าสนใจเมื่อพูดถึงชนิดของปลาที่แปลกซึ่งวันนี้เองเราก็ได้นำปลาอีกชนิดหนึ่งที่แปลกประหลาดมาให้คุณได้รู้จักกันอย่าง “ปลางวงช้าง” ที่หลายคนต้องไม่เคยเห็นอย่างแน่นอน เพราะมันมีงวงเหมือนช้างจริง ๆ นะ แถมยังเป็นนักซ่อนตัวขั้นเทพในผืนน้ำอันกว้างใหญ่อีกด้วย ทำความรู้จักกับ “ปลางวงช้าง” “ปลางวงช้าง” เป็นปลากระดูกแข็งมีไฟฟ้าในการหาอาหารและล่าเหยื่อบนลำตัว จัดเป็นอยู่ในวงศ์ตระกูลใหญ่ของปลาซึ่งมีหลากชนิดแยกย่อยกันออกไปถึง 200 ชนิดทางแถบทวีปแอฟริกา ลักษณะของปลางวงช้างจะมีขนาดโตเต็มวัยอยู่ที่ 1.5 เมตร รูปร่างเรียวบางและลำตัวแบนข้าง ตากลมโตดูราวโรจน์ซึ่งหากอยู่ในที่มีแสงสว่างจะสะท้อนสวยงาม ข้อหางคอดเล็ก ครีบหางเล็กและสั้น ครีบหลังยาวและต่อติดกันเป็นแผง ส่วนหัวกลมมนอย่างเห็นได้ชัด โดยบางชนิดจะเหมือนปลาทั่วไป แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีลักษณะของปากพิเศษที่ยาวออกมาห้อยลงคล้ายงวงช้าง สีลำตัวมักมีสีดำ สีน้ำตาลเทา และสีเทา  การดำรงชีวิตของ “ปลางวงช้าง” “ปลางวงช้าง” มักจะชอบอยู่รวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่หากินตามพื้นท้องน้ำ อยู่อาศัยได้ทั้งในน้ำจืดและในทะเล อีกทั้งผู้คนยังนิยมนำมาเลี้ยงเพื่อความสวยงามกันจนเป็นเทรนด์มาแรงของทวีปแอฟริกาด้วยในเวลานี้ เพราะปลางวงช้างเป็นปลาที่ฉลาดจากมันสมองและน้ำหนักสมองของมันที่เท่ากับสมองของมนุษย์ทำให้มันถือเป็นปลาอีชนิดหนึ่งที่มีไหวพริบดีในการคิดแบบแผนต่าง ๆ ในการว่ายหลบหนี จดจำเรื่องราวต่าง ๆ มีความรู้สึกเหมือนมนุษย์ เป็นผู้ล่าที่เจ้าเล่ห์ในการทำให้เหยื่อหลงเชื่อและดัดหลังด้วยไฟฟ้า และมีการติดต่อสื่อสารกันเองกับปลาด้วยกันผ่านประสาทสัมผัสที่บริเวณปากที่ยื่นยาวออกมา แถมมันยังหลบซ่อนตัวจากมนุษย์ได้ดีด้วยการใช้สีของน้ำบริเวณที่มีเงามืดหรือบริเวณครึ้ม ๆ พรางตัวด้วยอย่างเนียน ๆ อาหารสุดโปรดของ “ปลางวงช้าง” “ปลางวงช้าง” […]

“Proboscis Monkey” ลิงจมูกยาวประหนึ่งแม่มดในนิทาน

“Proboscis Monkey” ลิงจมูกยาวประหนึ่งแม่มดในนิทาน

ฮี่! ฮี่! ฮี่! สวัสดีจ้าแม่สาวน้อยสโนไวท์ ยายเห็นว่าหนูเป็นเด็กสาวมีน้ำใจจึงอยากมอบแอปเปิ้ลอาบยาพิษ เอ้ย! แอปเปิ้ลวิเศษให้ วันนี้เปิดบทความมาก็ให้ฟีลธีมเทพนิยายแล้ว หลายคนอาจจะอ่านหัวข้อสลับกับการเกริ่นนำของเราไป ๆ มา ๆ อย่างมึนงงแน่นอนว่า สรุปนี่คือบทความรีวิวนิทานหรือบอกเล่าสารคดีสัตว์แปลกกันแน่ แหม! ก็ต้องเป็นบทความสัตว์แปลกอยู่แล้ว ขอเกริ่นให้ดูมีความแปลกใหม่บ้างสิ เพราะในเว็บไซต์ของเรามีเด็ก ๆ เข้ามาอ่านด้วย เดี๋ยวพวกเขาจะไม่สนุกกันหากบรรยายแบบเป็นทางการมากไปเนอะ ยิ่งสัตว์แปลกวันนี้เป็นลิงที่มีจมูกยาวเหมือนแม่มดในนิทานตะวันตกด้วยก็ยิ่งต้องบอกเลยว่า การนำภาพของแม่มดในเรื่องสโนไวท์มาใช้นี่ล่ะตรงกับภาพที่เราอยากให้คุณจินตนาการเห็นได้ชัดมากที่สุดแล้ว โดยลิงที่เราจะมานำเสนอกันคือ “Proboscis Monkey”นั่นเอง! อาจจะมีบางคนที่เคยเห็นมาแล้วแต่ไม่รู้ว่ามันคือลิงอะไร วันนี้มาไขข้อสงสัยในเรื่องราวของมันกันเถอะ ทำความรู้จักกับ “Proboscis Monkey” “Proboscis Monkey” หรือ “ลิงจมูกงวง” เป็นลิงที่จัดอยู่ในวงศ์ของลิงโลกเก่าในตระกูล Nasalis ซึ่งปัจจุบัน เหลือเพียงแค่ประมาณ 8,000 ตัวเท่านั้น โดยลักษณะตัวของ Proboscis Monkey จะค่อนข้างอ้วน มีไขมันที่ลงพุง ลำตัวเต็มไปด้วยขนสีน้ำตาลแดง และสิ่งที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ต่างจากลิงอื่นในโลกมากที่สุด คือ Proboscis Monkey มีจมูกที่ยาวสีแดงบ้างก็สีส้มเหมือนงวงช้างห้อยเลยมาจนปิดปากขนาดเล็กของตัวเอง ซึ่งมีเฉพาะในตัวผู้ในวัยที่โตเต็มที่แล้ว ยกเว้นตัวเมียกับลูกวัยอ่อนที่จะยังไม่มีจมูกนี้ โดยจมูกของตัวผู้จะโตตามขนาดของร่างกายด้วยทำให้ลิงนี้มีใบหน้าคล้ายกับผู้เฒ่าผู้แก่ที่มีความอาวุโสจนชนพื้นเมืองบางเผ่าก็ให้ความยำเกรงเหมือนกัน […]