“Opabinia Regalis” สัตว์โคลัมเบียห้าดวงตาในยุคอดีตของโลกเรา

“Opabinia Regalis” สัตว์โคลัมเบียห้าดวงตาในยุคอดีตของโลกเรา

หากจะให้เปรียบเทียบกันระหว่างความน่าตื่นเต้นของสัตว์โลกยุคดึกดำบรรพ์บนบกกับในน้ำ เราคงจะให้ความสนใจกับสัตว์ในน้ำมากกว่า เพราะใต้น้ำนั้นเราไม่อาจรู้เลยว่าแท้จริงมันลึกมากแค่ไหนโดยเฉพาะในมหาสมุทรที่ไม่เคยมีใครรู้ว่าจุดสิ้นสุดอยู่ ณ ที่ใด แต่ที่แน่นอนคือมันย่อมมีพื้นที่มากกว่าบนบกหลายเท่าเพียงแค่เรามองไม่เห็น อีกทั้งยังมีการค้นพบสัตว์ที่แปลกประหลาดมากมายด้วย สัตว์น้ำบางชนิดที่เขาว่ากันว่ามีมาตั้งแต่ยุคหลายล้านปีก่อนและเพียงฟอสซิลให้คนรุ่นหลังได้เห็น…คุณมั่นใจได้อย่างไรว่าสัตว์น้ำยุคดึกดำบรรพ์เหล่านี้สูญพันธุ์จากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปของโลกหมดแล้วจริง ๆ ไม่ใช่ว่า “มันซ่อนตัวอยู่ในจุดที่ลึกลงไปจนเราเข้าไม่ถึง!”  มีการรายงานมาว่าแท้จริงยังมีสัตว์น้ำยุคดำดำบรรพ์มากมายที่อยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้เพียงแต่เราไม่รู้ซึ่งวันนี้เราก็จะมาแนะนำสัตว์ดึกดำบรรพ์ชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างสุดแปลกมองดูคิดว่าเป็นมังกรทะเลใบไม้ แต่พอมองใกล้ ๆ กลับไม่ใช่ แค่มีลักษณะตัวใกล้เคียงกัน แต่สัตว์ที่เรียกว่า “Opabinia Regalis” กลับมีความโดดเด่นในเอกลักษณ์ตัวมันมากกว่าที่คุณคิดอีกหากได้สำรวจอย่างถ่องแท้! ทำความรู้จักกับ “Opabinia Regalis” “Opabinia Regalis” เป็นสัตว์ขาปล้องแบบหนอนแบนสีออกน้ำตาลแดงขนาดตัว 2 – 3 นิ้วไร้กระดูกสันหลัง บริเวณลำตัวมีลักษณะคล้ายเกล็ดใหญ่ทับซ้อนเรียงตัวกันยาวตั้งแต่ศีรษะถึงปลายหาง ด้านข้างมีลักษณะยื่นยาวออกมาคล้ายปีกนกช่วยพยุงร่างกายและเคลื่อนไหว บริเวณหัวมีดวงตากลมโตสีดำมากถึง 5 ดวงตาอีกทั้งยังมีงวงยาวที่ดูดหลายสิ่งหลายอย่างเข้าไปได้ด้วย โดยมันมีชีวิตในสมัยดึกดำบรรพ์ อาศัยอยู่ในทะเลแคริบเบียนของบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดาเมื่อ 487 ล้านปีก่อนในยุค  Paleozoic ซึ่งว่ากันว่ามันคือต้นกำเนิดของสัตว์ทะเลขาปล้องทุกชนิดในทะเลวันนี้และใคร ๆ ต่างก็บอกว่าสูญพันธุ์กันไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความแน่ชัดนักหากเรายังสำรวจทะเลได้ไม่ลึกพอ การดำรงชีวิตของ “Opabinia Regalis” “Opabinia Regalis” โดยรวมมันไม่มีพิษมีภัยกับใคร มักอาศัยอยู่ตามซอกหิน ใต้โคลนดินตะกอน หรือพื้นที่ถูกทับถมมืด ๆ […]

“Mata Mata” เต่าคอแหลมสุดซึน

“Mata Mata” เต่าคอแหลมสุดซึน

ในภาพทรงจำของคุณ…เต่าที่คุณเคยเห็นมีรูปร่างอย่างไร? แน่นอนว่าแทบทุกคนย่อมจะตอบเหมือนกันหมดว่า เต่าก็ต้องมีกระดองเรียบเนียนปนขรุขระจากเนินที่นูนออกมาเล็กน้อยและคอก็เรียบนุ่มอยู่แล้ว ในส่วนของกระดองจะแข็งแต่ก็ราบพอที่จะสัมผัสลูบได้อย่างสบายมือเวลาให้อาหารหรือเวลาเล่นด้วย แต่ใครบ้างจะตอบว่า ในโลกใบนี้มีเต่ากระดองแหลมด้วย ไม่ใช่เม่นหรือหอยทะเลมีหนามนะที่จะแหลมแบบนั้น น่ากลัวเลยสิหากมีจริง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าคนส่วนน้อยที่บอกว่า มีเต่ากระดองแหลมนั้นพวกเขาพูดจริงไม่อิงจินตนาการใด ๆ เพราะถัดไปอีกซีกหนึ่งของโลกได้ซุกซ่อนสัตว์เลื้อยคลานสุดแปลกอย่าง “Mata Mata” เต่าพันธุ์คอแหลมที่แอบน่ากลัวเวลามองไว้โดยที่ผู้คนไม่คอยรู้จัก แต่นิสัยมันหากคุณรู้ก็จะเปลี่ยนความคิดไปเลย เพราะน้องน่ารักมาก ผมซึน ๆ นะครับทุกคน ไม่มีพิษมีภัยใด ๆ ยินดีมากหากคนจะได้รู้จักเรื่องราวของพวกผมมากยิ่งขึ้น! ทำความรู้จักกับ “เต่า Mata Mata” “เต่า Mata Mata” เป็นเต่าน้ำจืดที่จัดอยู่ในตระกูลของเต่าคองู มีลำตัวที่ใหญ่ค่อนข้างมาก โดยตัวโตเต็มวัยจะใหญ่มากถึง 50 เซนติเมตร น้ำหนักกว่า 20 กิโลกรัม ส่วนหัวแบนแผ่เป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ ผิวหนังขรุขระ มีติ่งเนื้อห้อมล้อม และที่โดดเด่นทางกายภาพอีกอย่างที่ไม่เหมือนเต่าอื่นคือ บริเวณติ่งเนื้อของเต่า Mata Mata มีลักษณะแหลมยาวและด้านพอ ๆ กับปากของมันที่ทำให้ดูเหมือนสนิมที่น่าลึกลับเวลาพรางตัว กระดองกว้างและแบนราบมีสันขนาดใหญ่ 3 สัน พบได้ง่ายทางแหล่งน้ำที่เป็นกรดสูงซึ่งเกิดจากการทับถมของเศษซากพืชในแถบทวีปอเมริกาใต้ เช่น แม่น้ำโอริโนโก […]

“Ghost Shark” ฉลามใสสุดแปลกแห่งท้องทะเล

“Ghost Shark” ฉลามใสสุดแปลกแห่งท้องทะเล

ในชีวิตของคนไทยอาจจะเคยเห็นแต่ฉลามที่มีผิวสีคล้ำหรือผิวสีขาวอมเทาที่มีความเงางามในเนื้อผิวที่เห็นได้ชัด ดูสง่าผ่าเผยมาแล้วภายใต้ความน่ากลัวและความลึกลับที่แฝงอยู่ในความสวยงามของผิวหนังปลาฉลามที่แหวกว่ายในทะเลอยู่ ซึ่งเราไม่อาจรู้ได้ว่ามันจะจู่โจมเราเมื่อไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังเห็นฉลามเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนจากสีของตัวมันที่โดดเด่นเวลาดำน้ำ แต่หากเป็นฉลามที่มีตัวใส เราก็อาจจะเป็นอันตรายได้ง่าย ๆ เพราะสีผิวของมันนั้นเวลาที่เงาของน้ำกับสีของทะเลสาดส่องไปยังมันจะทำให้กลมกลืนง่ายและเห็นได้ค่อนข้างยากหากไม่ได้อยู่ในโซนที่มีแสงส่องถึงหรือโวนที่ไม่ใช่ทะเลมืดครึ้ม แต่หลายคนอาจจะคิดว่า โอ๊ย! จะมีฉลามตัวใสอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไร มันไม่ใช่สัตว์ชนิดเดียวกับพวกกุ้งหรือพวกแมงกะพรุนเสียหน่อย แต่ความจริงแล้วมันมีในโลกของเรานะ ผู้คนในต่างประเทศเรียกมันว่า “Ghost Shark” ทำความรู้จักกับ “Ghost Shark” “Ghost Shark” หรือ “ฉลามผี” เป็นปลาที่พบเห็นได้ยากอยู่ในประเภทของปลากระดูกอ่อนที่แม้จะไม่ถือว่าเป็นวงศ์เดียวกับฉลาม หากแต่เป็นญาติห่าง ๆ กันและมีความสอดคล้องกับปลากระเบนที่มีวิวัฒนาการผสมผสานมาเป็น Ghost Shark ตั้งแต่เมื่อ 400 ปีก่อน ทว่าก็มีฟันที่แหลมคมและจู่โจมมนุษย์ได้เช่นกัน ลำตัวของ Ghost Shark  จะมีลักษณะตัวโตเต็มวัยขนาด 50 เซนติเมตร สีใสสะท้อนแสงแดดบริเวณน้ำตื้นแล้วจะกลายเป็นประกายสีรุ้งหรือสีเงินอย่างสวยงาม แต่หากอยู่ในน้ำลึกก็จะกลืนกับสีขอทะเล ดวงตาใหญ่ และด้านข้างมีอวัยวะสีเข้ม พบได้ในทะเลลึกระดับ 200 เมตรและในทะเลน้ำตื้นบริเวณชายฝั่งได้ด้วยในบางสายพันธุ์ทางแถบตอนใต้ของออสเตรเลีย รวมทั้งแทสเมเนีย ตอนใต้ของอีสต์เคป และท่าเรือไคพาราในนิวซีแลนด์เป็นหลัก การดำรงชีวิตของ “Ghost Shark” “Ghost Shark” สามารถออกหาอาหารได้ทั้งในเวลากลางวันและเวลากลางคืน […]

3 ปลาที่ตายง่ายเมื่อนำมาเลี้ยง

3 ปลาที่ตายง่ายเมื่อนำมาเลี้ยง

การที่เราเลี้ยงปลานอกจากจะทำให้ตื่นมาแล้วมองตู้ปลาเห็นวิถีชีวิตของมันที่แหวกว่ายใต้น้ำท่ามกลางพืชสีสันสวยงามทุกวันย่อมจะทำให้เรารู้สึกเหมือนตัวเองเริ่มต้นวันใหม่ มีชีวิตใหม่ ๆ ที่สามารถก้าวเดินออกมรจากความทุกข์ หรือน้ำตาที่ไหลออกมาจากความทุกข์ ปัญหาต่าง ๆ ในคืนที่ผ่านมาได้แล้ว ยังช่วยให้เรามีสมาธิกับการทำกิจกรรมต่าง ๆ ยามว่าง ได้รู้สึกเหมือนเห็นแต่ความสวยงามในคอลเลคชั่นประดับตกแต่งบ้านได้อย่างชื่นชีวามาก แต่ในการเลี้ยงปลาก็ไม่ใช่ว่าจะเลี้ยงได้ง่ายทุกชนิด เพราะปลาบางชนิดหากคุณเลี้ยงอย่างไม่เคร่งครัดนักก็อาจจะตายง่ายดายทำให้เราอาจกลัวการเลี้ยงปลาในต่อไปมากเลยก็ได้ วันนี้เองเราจึงได้นำปลาเลี้ยง 3 ชนิดที่ตายง่ายมาเสนอคุณกันเพราะเห็นว่ามีหลายคนคิดจะเลี้ยงปลาเหล่านี้เยอะมากจึงควรรู้ไว้ไม่ให้เกิดความประมาทในการเลี้ยง มาดูกันเลยดีกว่าว่าจะมีปลาอะไรบ้าง? “ปลาทอง” ปลาเลี้ยงที่ตายง่าย “ปลาทอง” เป็นปลาเลี้ยงที่ตายง่ายมาก ซึ่งส่วนใหญ่สาเหตุที่ตายง่ายก็มาจากน้ำในตู้เลี้ยงปลาที่สะอาดไม่พอกับสุขภาพของปลาทอง ปลาทองต้องอยู่ในน้ำที่มีความบริสุทธิ์ อุณหภูมิเหมาะสมและสะอาดอย่างแท้จริงจึงจะอยู่ได้นาน นอกจากนี้ยังต้องผ่านการกรองคลอรีนและมีการฆ่าเชื้อด้วย มันสามารถช็อคน้ำได้ง่ายและปรับตัวอยู่กับสภาพน้ำใหม่ ๆ ลำบาก ก่อนเลี้ยงหากคุณไม่จัดอุปกรณ์ให้ออกซิเจนและทำความสะอาดตู้ปลา จัดการทุกอย่างให้สะอาดก็อาจส่งผลต่อสุขภาพทำให้ปลาทองตายได้ง่าย “ปลาคาร์ฟ” ปลาเลี้ยงที่ตายง่าย “ปลาคาร์ฟ” เป็นปลาเลี้ยงที่ตายได้ง่ายหากคุณไม่ดูแลเรื่องการให้หาอาหารแก่มันดี ๆ เพราะปลาคาร์ฟต้องการอาหารที่ให้พลังงานอย่างเหมาะสม ไม่มากและไม่น้อยเกินไป นอกจากนี้ยังต้องให้อาหารแต่ละมื้อที่ตรงเวลาด้วยจึงจะทำให้ปลาคาร์ฟมีสุขภาพที่แข็งแรง ฉะนั้นหากใครที่อยากเลี้ยงปลาคาร์ฟแต่ไม่มีเวลาดูแลนักก็อาจจะต้องเลี้ยงปลาอื่นแทนแล้ว “ปลาเสือสุมาตรา” ปลาเลี้ยงที่ตายง่าย “ปลาเสือสุมาตรา” มักเสี่ยงที่จะเจอ “โรคเกล็ดตั้ง”ได้ง่าย ๆ ซึ่งสามารถติดต่อกันได้และไม่นานก็ทำให้ปลาเลี้ยงชนิดนี้ตายง่ายมากชนิดที่ว่าตายกันยกฝูงทีเดียว นอกจากนี้ยังต้องเลี้ยงให้อยู่ในบ่อหรือภาชนะที่มีพื้นที่กว้างขวาง เพราะหากเลี้ยงในพื้นที่จำกัดอาจทำให้ปลาเกิดความกดดันและทำให้น้ำที่นำปลาเสือสุมาตราลงไปอยู่มีความผิดปกติซึ่งไม่สามารถทำให้ปลาชนิดนี้อยู่ได้นานด้วย การกรองน้ำจึงเป็นสิ่งสำคัญในอีกปัจจัยเช่นกัน คลิปแมว  คลิปหมา ทาสแมว สัตว์โลกน่ารัก รูปภาพประกอบ รูปภาพที่ […]

“กวางปูดู” กวางจิ๋วอเมริกาใต้ที่เล็กที่สุดในโลก

“กวางปูดู” กวางจิ๋วอเมริกาใต้ที่เล็กที่สุดในโลก

ในความฝันของใครหลายคนที่เคยมีโอกาสพาตัวเองไปวิ่งเล่นอยู่ตามเนินเขาที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าสวยงามเขียวขจีอุดมสมบูรณ์กว้างขวางแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าสัตว์ในความฝันที่ต้องตามคุณมาย่อมต้องเป็นกระต่ายที่มีขนฟู ตัวเล็กน่ารักที่เราสามารถนอนบนทุ่งหญ้ามองท้องฟ้าพร้อมกอดกระต่ายตัวน้อยไว้แนบอกได้ แต่มันคงจะดีหากเราจะเพิ่มกวางมาสักตัว พอนึกแล้วหลายคนอาจจะร้องฮะ! ความฝันที่แสนอ่อนโยนแบบน่ารัก ๆ ก็ต้องมีแต่สัตว์ตัวเล็กที่น่ารักอย่างพวกกระต่าย ลูกหมูป่า แมว และสุนัขสิ กวางนี่น่าจะเป็นสัตว์ที่ควรค่าแก่การมองด้วยความชื่นชมมากกว่าการเอามานอนกอดด้วยซะอีก แต่ ๆ ๆ เรายังไม่ได้บอกคุณเลยว่า สัตว์ที่เราจะบอกกันคือกวางทั่วไป เพราะในโลกของเรายังมีกวางที่ขนนุ่มและตัวเล็กน่ารักเหมือนกระต่ายที่น่ากอดมากด้วยล่ะ นั่นคือ “กวางปูดู” ที่มีตัวตนอยู่จริง ๆ แค่เห็นก็อยากเขาไปกอดอิงแอบแนบชิดเหมือนตุ๊กตาแล้ว แต่หากยังไม่รู้จักนักก็มาอ่านเรื่องราวของน้องกวางปูดูกันก่อนดีกว่า ทำความรู้จักกับ “กวางปูดู” “กวางปูดู” เป็นกวางขนาดจิ๋วที่ตัวโตเต็มวัยมีขนาดใหญ่สุดแค่ 12-14 นิ้วเท่านั้น ทำให้คนที่ไม่รู้จักอาจคิดว่ามันเป็นเพียงลูกกวางที่น่ารัก ลำตัวมีสีน้ำตาลเข้ม บ้างก็มีลวดลายจุดสีขาว หูกว้าง ตาเล็ก ขาสั้น บางคนก็มองดูว่ามันคล้ายกับลูกหมูป่าหากไม่ให้เห็นจมูกที่ไม่ได้โด่งยื่นออกมาเหมือนหมูและปากที่ใหญ่ของมัน โดยกวางปูดูกำเนิดทางทวีปอเมริกาใต้ มีสายพันธุ์แยกย่อย คือ กวางปูดูเหนือ ที่อยู่อาศัยทางแถบประเทศโคลัมเบีย เอกวาดอร์ เปรู และกวางปูดูใต้ ที่อยู่อาศัยทางแถบตอนใต้ของชิลี และอาร์เจนตินา หากไปประเทศทางแถบนี้คุณจะพบได้ไม่ยาก การดำรงชีวิตของ “กวางปูดู” “กวางปูดู” เป็นสัตว์ที่รักลูกของมันมากและชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มครอบครัว มีอายุขัย 12 – […]

“Vogelkop” นกสีดำตาฟ้าที่พรางตัวได้แปลกจนน่าตกใจ

“Vogelkop” นกสีดำตาฟ้าที่พรางตัวได้แปลกจนน่าตกใจ

หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการเข้าป่าเป็นชีวิตจิตใจก็คงจะคุ้นชินกับสภาพภูมิอากาศและสภาพภูมิประเทศของป่าไม้ต่าง ๆ เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ในภาคใด ๆ หรือตามประเทศใดเราเชื่อว่าคุณศึกษามาดีอยู่ดีแล้ว และน่าจะรู้จักสัตว์ป่าแปลก ๆ หลายต่อหลายชนิดที่น่าสนใจมาแล้ว โดยเฉพาะนกที่เป็นสัตว์กลุ่มที่มากที่สุดภายใต้ร่มไม้ในป่าลึก เรียกได้ว่าหากป่าไม้ใดมีนกอยู่กันน้อยย่อมจะเป็นป่าที่ไม่อุดมสมบูรณ์จริงและออกจากแปลกมาก ถ้าปลาและกิ้งกือคือสิ่งมีชีวิตที่บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ นกก็ย่อมจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้ด้วย ในวันนี้เราที่เป็นหนึ่งในคนที่ชอบการศึกษานกจึงได้ลองไปใช้เวลาว่างในการค้นหาข้อมูลของนกแปลกที่ไม่ค่อยมีใครได้พบเห็นเท่าไหร่จนได้มาเจอกับ “นก Vogelkop” ที่มองทีแรกนึกว่าเป็นสัตว์ประหลาดเสียอีก! ด้วยความน่าสนใจและมีความสวยงามในตัวที่แฝงด้วยเอกลักษณ์หานกใดเหมือน เราจึงได้นำมันมาเสนอในบทความสัตว์แปลกกัน ทำความรู้จักกับ “นก Vogelkop” “นก Vogelkop” หรือ “นกปักษาสวรรค์” เป็นกลุ่มนกที่มีลำตัวขนาดกลางยาว 25 เซนติเมตร ใช้ชีวิตอยู่อย่างแพร่หลายตามป่าดิบชื้นของเกาะนิวกินีตะวันตกและในประเทศอินโดนีเซีย โดยตัวเมียจะเป็นสีน้ำตาลเหมือนนกทั่วไป ส่วนที่ร่ำลือกันถึงความสวยงามพิเศษนั้นจะเป็นนก Vogelkop ตัวผู้ที่มีขนสีดำสนิททั้งตัว ยกเว้นบริเวณแผงอกที่จะแซมด้วยขนสีฟ้ากางออกเรียงกันเป็นรูปปากยิ้มคล้ายหงอนซึ่งตัดกันกับขนสีดำทำให้กลายเป็นสีที่เรืองแสงอย่างสวยงามและสีดำของนก Vogelkop ยังสามารถดูดซับแสงได้ 99.95 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับดวงตาที่เป็นสีฟ้ากลมโตทำให้เวลากางปีกแพนขนออกจะเห็นไกล ๆ ในรูปแบบคล้ายสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มีความโค้งสีดำมีขา 2 ข้างและเต็มไปด้วยดวงตาเรืองแสงปากสีเหลือง และฐานสีฟ้าประกายน่าลึกลับใช้พรางตัวให้สัตว์กลัวได้ การดำรงชีวิตของ “นก Vogelkop” “นก Vogelkop” มักจะชื่นชอบการออกหาอาหารสลับกับการเกี้ยวพาราสีกันในเวลาว่าง โดยการเกี้ยวพาราสีนั้นตัวผู้จะแพนขนของมันออกมาอย่างสวยงามเพื่อเรียกตัวเมียพร้อมกับกระโดดไปมารอบ ๆ ตัวเมียบนต้นไม้คล้ายกับการเต้นของละตินที่มีการเคลื่อนย้ายสะโพกให้ต่ำ ซึ่งนักสำรวจเรียกท่าทางนี้ว่า […]

“Smilodon” แมวเขี้ยวดาบนักล่าเหยื่อผู้น่าสะพรึงแห่งยุคน้ำแข็ง

“Smilodon” แมวเขี้ยวดาบนักล่าเหยื่อผู้น่าสะพรึงแห่งยุคน้ำแข็ง

หากคุณเคยผ่านการดูการ์ตูนแอนิเมชั่นยอดฮิตเรื่อง “Ice Age : เจาะยุคน้ำแข็งมหัศจรรย์” ก็คงจะจำเสือเขี้ยวยาวที่เป็นหนึ่งในตัวเอกของเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเราเองก็ชื่นชอบเสือตัวนี้เหมือนกันเพราะสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ทุกตัว เราค่อนข้างจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่สำหรับเจ้าเสือนี้เรากลับไม่ค่อยได้รู้เรื่องราวที่เกี่ยวกับมันเลย ซึ่งทุกคนเองก็น่าจะคิดสงสัยเหมือนเราว่าทำไมในบทเรียนต่าง ๆ ถึงเอาแต่พูดถึงฟอสซิลช้างแมมมอธกับไดโนเสาร์เป็นส่วนใหญ่ทั้งที่ก็ยังมีสัตว์อีกหลายชนิดที่น่าสนใจให้ศึกษาเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้เราจึงอยากพาคุณย้อนเวลามาสู่ความทรงจำในวัยเด็กและพบกับเจ้าเสือจากเรื่อง Ice Age อีกครั้งเพื่อให้มันพาไปรู้จักกับความพิเศษในตัวมันที่ไม่ค่อยมีใครมองและการดำรงชีวิตที่น่าสะพรึง แต่ก็ชวนให้ค้นหาเหมือนกันด้วย เพราะแท้จริงมันถูกเรียกว่า “Smilodon” ซึ่งได้ฉายาว่า “แมวเขี้ยวดาบผู้น่าสะพรึง” สะพรึงแค่ไหนมาดูกันเลย ทำความรู้จักกับ “Smilodon” “Smilodon” ที่จริงมันควรถูกเรียกว่า “เสือ” แต่ด้วยความที่มันมีความแตกต่างจากเสือด้านความผอมและสีสันกับโครงสร้างกระดูกบางอย่างทำให้ผู้คนเรียกมันว่า “แมวเขี้ยวดาบ” จากลักษณะฟันสองซี่ซ้ายกับขวาที่ย้ายออกมาคล้ายงาของช้างแต่มีรูปแบบห้อยลงจากปากซึ่งสามารถฆ่าสัตว์ที่เป็นเหยื่อได้อย่างรวดเร็ว ลำตัวมีขนที่สั้นแต่หนา สีน้ำตาลแดง แต่บ้างก็มีสีน้ำตาลทอง แววตาดุคม กระดูกสะบักสูง หางเล็ก ใช้ชีวิตอยู่ในทวีปอเมริกา ยุค Pleistocene ก่อนที่เมื่อหมื่นปีก่อนจะสูญพันธุ์พร้อมกับสัตว์ขนาดใหญ่ในอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ว่ากันว่ามันเปรียบเสมือนมัจจุราชเงียบแห่งเกาะขั้วโลกและตามทุ่งหญ้าที่หากสัตว์ใดไม่รู้พลาดพลั้งเข้าไปในถิ่นฐานของมันก็อาจจะไม่ได้กลับออกมาอีกเลยก็ได้ บ่งบอกถึงความน่าสะพรึงและไม่ไว้ใจผู้ใดนอกจาก Smilodon ซึ่งแตกต่างจากในการ์ตูน Ice Age มากเลยเพื่อน ๆ การดำรงชีวิตของ “Smilodon” “Smilodon” มักจะชอบอยู่อาศัยในป่าปิดที่ลึกเข้าไปจนสัตว์ชนิดอื่นไม่ค่อยกล้าย่างก้าวซึ่งมันมักจะรักความสงบ อยู่กับฝูงของตัวเองหรือไม่ก็แยกมาอยู่กับครอบครัวของตัวเองต่างหาก แต่หากเป็นเวลาที่ออกหาอาหารก็จะหลบอยู่ตามหลังต้นไม้ใหญ่ ตามทุ่งหญ้าที่มีต้นไม้หรือหญ้าขึ้นสูง […]

ทำไมฟาร์มม้าต้องอยู่ในหุบเขา

ทำไมฟาร์มม้าต้องอยู่ในหุบเขา

เชื่อว่าหลายคนอาจจะสงสัยกันเยอะว่าเหตุใดเราจึงมักเห็นฟาร์มม้าอยู่ในสถานที่ซึ่งเป็นหุบเขาทุกแห่งทั้งที่ก็ไม่ได้เป็นสัตว์ที่จำเป็นต้องเลี้ยงอยู่ตามเขาเหมือนสัตว์ป่าชนิดอื่นอย่างนั้น แต่ฟาร์มใดที่เลี้ยงม้ามักจะต้องหลบมุมมาอยู่ไกลจากตัวเมืองไม่พอ ยังต้องหาพื้นที่แบบราบสูงให้อยู่ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าและทิวเขามากมายซึ่งทำให้อยู่ไกลจากเมืองใหญ่ในเขตภาคกลางมาก มีปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ม้าต้องอยู่ในหุบเขาตลอดเวลาและไม่ควรเลี้ยงท่ามกลางตัวเมืองทั้งที่เขาสามารถอยู่กับสภาพแวดล้อมที่หลากหลายได้ การสร้างฟาร์มม้าในหุบเขามีประโยชน์ใดต่อผู้เลี้ยงและตัวม้าจึงเน้นย้ำว่าต้องเป็นในหุบเขา ไม่ใช่แค่เพียงทุ่งหญ้าทั่วไป ปัจจัยเหล่านี้เราจะได้มาค้นพบกันในบทความนี้ที่เราจะบอกเล่าถึงธรรมชาติความเป็นไปของชีวิตม้าควบคู่กับการบอกเหตุผล 3 ประการที่ม้าควรอยู่ในที่อันเหมาะสมเพื่อคลายข้อสงสัยกัน ม้าชอบอยู่ในพื้นที่โล่งกว้างหลายตารางเมตรตรงกับฟาร์มในหุบเขา ม้าเป็นสัตว์ที่รักอิสระ ชอบวิ่งเล่นไปทั่วไม่หยุด พวกเขาจึงชอบที่จะอยู่ในพื้นที่โล่งกว้างหลายตารางกิโลเมตรภายในฟาร์มซึ่งหากเป็นฟาร์มขนาดเล็กหรือฟาร์มขนาดกลางที่อยู่ในเมืองหรือชานเมืองย่อมจะมีพื้นที่จำกัดไม่เพียงพอต่อการให้ม้าได้ออกมาทำกิจกรรมสะดวก เขาจะไม่ชอบอย่างแน่นอนหากต้องอยู่กับพื้นที่วิ่งที่เพียงออกตัวไม่เท่าไหร่ก็ต้องวิ่งวนอยู่ภายใต้การล้อมของรั้วเสียแล้ว แต่หากรั้วในฟาร์มกว้างกินเนื้อที่ไร่และป่าบางส่วนล่ะก็ม้าจะสามารถวิ่งได้นานเท่าที่ใจต้องการเลย ซึ่งพื้นที่ฟาร์มในหุบเขานั้นก็เข้ากับปัจจัยนี้มากกว่าที่อื่นจึงต้องเลี้ยงม้าในหุบเขา นอกจากนี้ยังมีพื้นที่กว้างพอจะปลูกบ้านโรงนาและคอกเลี้ยงสัตว์อื่นด้วย ฟาร์มในหุบเขาทำให้ม้าหาอาหารกินง่าย การที่มีฟาร์มม้าอยู่ในหุบเขาจะเป็นความสะดวกสบายในการหาอาหารให้ม้ากินหรือไม่ม้าก็สามารถออกไปหาอาหารกินตามป่าหรือตีนเขาที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าเป็นส่วนใหญ่ได้ด้วยตัวเอง ทรัพยากรธรรมชาติในหุบเขาทุกอย่างสามารถเป็นอาหารให้ม้าได้ทั้งนั้น เราไม่จำเป็นต้องผลิตหรือไปรับซื้อมาเหมือนฟาร์มในเมืองเลย เขาจะได้มีอาหารการกินจากผลผลิตทางธรรมชาติที่หลากหลายไม่จำเจ หุบเขามีสภาพแวดล้อมปลอดภัยสำหรับม้า การสร้างฟาร์มม้าในหุบเขาจะช่วยส่งเสริมบรรยากาศที่เหมือนการนำม้ากลับมาสู่บ้านเกิดของเขาอีกครั้ง ด้วยสภาพแวดล้อมป่าไม้และหุบเขาเป็นพื้นที่ที่ฝูงม้ามักจะอยู่รวมตัวกันอย่างมีอิสระเสรี เป็นส่วนตัว ไม่มีใครมารุกราน ซึ่งทำให้เขามีความรู้สึกปลอดภัยจากอันตรายมากกว่าการสร้างฟาร์มม้าในย่านชุมชน การสร้างฟาร์มม้าในอาณาเขตกว้างใหญ่แบบโดดเดี่ยวก็ไม่ต่างกับการสร้างโลกของเขาให้กลับมามีความสุขอีกครั้ง คลิปแมว  คลิปหมา ทาสแมว สัตว์โลกน่ารัก รูปภาพประกอบ : Pixabay

“มังกรโคโมโด” สัตว์สุดขลังของอินโดนีเซีย

“มังกรโคโมโด” สัตว์สุดขลังของอินโดนีเซีย

เวลาเห็น “น้องตัวเงินตัวทอง” เดินผ่านสถานที่ที่เราอยู่ พวกคุณจะเรียกมันว่าอะไรบ้าง “ไอ้เฮง”, “วรนุช” หรือ “อาเฮีย” แน่นอนว่าส่วนใหญ่หลายคนคงเรียกแบบนี้กันทั้งนั้น แต่แถวบ้านเราจะเรียกมันแบบแซวในเชิงอัพระดับขึ้นมาหน่อยโดยการเรียกว่า “มังกรโคโมโด” ซึ่งสมัยเด็ก ๆ เราก็สงสัยมาโดยตลอดว่ามันคืออะไร? เพราะตัวเองก็เคยเรียนวิชาวิทยาศาสตร์มาแล้วค้นพบว่ามันเป็นสัตว์เลื้อยคลานดึกดำบรรพ์จึงทำให้คิดว่าเวลานี้คงศูนย์พันธุ์ไปหมดแล้ว แต่พอโตขึ้นมาก็ได้ศึกษาในเรื่องราวของมังกรโคโมโดมากขึ้นจนได้รู้ว่า “ปัจจุบันก็ยังมีมังกรโคโมโดอยู่” แถมยังอยู่ใกล้ตัวมากเพียงแค่ห่างกันคนละแผ่นน้ำในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซื้อตั๋วเครื่องบินไป “ประเทศอินโดนีเซีย” คุณก็จะได้รับสิทธิ์ให้ไปจับมือ เอ้ย! ได้ชมมันในสวนสัตว์อย่างใกล้ชิดแล้ว เชื่อว่าหลายคนที่เคยได้ยินชื่อของมังกรโคโมโดก็คงเป็นเหมือนเราสมัยก่อนที่สงสัยในเรื่องราวของมัน วันนี้เราจึงถือโอกาสมาบอกเล่าความน่าสนใจของมังกรโคโมโดว่าอะไรที่เราควรรู้? แล้วมันต่างจากตัวเงินตัวทองหรือไม่? เป็นอันตรายหรือเปล่า? คุณจะได้รู้กันในวันนี้ ทำความรู้จักกับ “มังกรโคโมโด” “มังกรโคโมโด” เป็นเป็นสัตว์เลื้อยคลานในอันดับกลุ่มกิ้งก่าชนิดหนึ่งประเภทที่มีตัวใหญ่ที่สุดในโลก โดยเมื่อโตเต็มวัยลำตัวสีเทาดำของมันจะมีขนาดความยาวโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2-3 เมตร และมีน้ำหนักประมาณ 90 กิโลกรัม อาศัยอยู่ในถิ่นฐานบนเกาะโกโมโด, รินจา, โฟลเร็ซ และกีลีโมตังในประเทศอินโดนีเซียที่มีสภาพแวดล้อมเป็นป่าไม้ชื้นอุดมสมบูรณ์บนที่ราบสูงจนมังกรโคโมโดได้กลายเป็นสัตว์ประจำประเทศอินโดนีเซียที่ทุกคนให้การอนุรักษ์ตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงยุคปัจจุบัน ด้วยมีเพียงแค่อินโดนีเซียเท่านั้นที่สามารถพบมังกรโคโมโดได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ค่อยมีสัตว์หรือมนุษย์คนใดกล้าเข้าใกล้มัน เพราะอุปนิสัยของเจ้ามังกรโคโมโดมีความดุร้ายและเจ้าเล่ห์มากในการล่าเหยื่อ การดำรงชีวิตของ “มังกรโคโมโด” “มังกรโคโมโด” มักชื่นชอบการล่าเหยื่อเป็นชีวิตจิตใจใน 1 วันของมันไม่ว่าจะเป็นในที่โล่งแจ้งหรือในป่า มันก็สามารถล่าเหยื่อได้จากการดักซุ่มโจมตีกัดเหยื่อด้วยฟันที่แหลมคม แต่มันจะวิ่งได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ด้วยน้ำหนักตัวที่มีความหนักทำให้เหนื่อยง่ายและพลังงานหมดเร็วจึงต้องใช้เวลาพักกว่าจะกลับมามีพลังวิ่งไล่ล่าและจู่โจมเหยื่อที่หนีไปได้อีกครั้ง และเมื่อมันกินเหยื่อเข้าไป […]

“ริ้นฝอยทราย” แมลงตัวจิ๋วที่น้ำลายอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต

“ริ้นฝอยทราย” แมลงตัวจิ๋วที่น้ำลายอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต

หากจะกล่าวถึงสัตว์มีปีกที่ทำให้เรารู้สึกว่านอกจากจะน่ารำคาญแล้ว เวลาโดนมันกัดยังเป็นฟีลลิ่งที่ทำให้รู้สึกทั้งคันและเจ็บปวดแสบร้อนแล้วล่ะก็ไม่ว่าใครย่อมจะนึกถึง “ยุง” ที่ไม่ว่าจะอยู่บ้านเราหรืออยู่ที่ใดก็ตามที่อับก็มักจะพบกันได้ทั้งนั้นจนเรียกได้ว่าโดนกัดจนชาชินเสียแล้ว แต่หากให้เลือกได้ก็คงเลือกที่จะไม่ต้องถูกกัดจนอดเกาทำให้ผิวเนื้อลายเป็นแผลไปทั้งตัวเช่นนี้ อีกทั้งยังต้องเสียเลือดและเสี่ยงเป็นไข้เลือดออกด้วย แต่คุณรู้อะไรที่มากกว่านี้ไหมว่า ในโลกของเราไม่ได้มีเพียงยุงเท่านั้นที่มีน้ำลายเป็นพิษทำให้เกิดอาการคัน แต่ยังมีสัตว์ปีกที่ผู้คนเรียกกันว่า “ริ้นฝอยทราย”ที่มองดูเผิน ๆ คล้ายยุง แต่ฤทธิ์น้ำลายร้ายกาจกว่านั้นจนอาจทำให้ร่างกายของคุณที่ได้รับพิษจากน้ำลายไม่ใช่แค่มีตุ่มแต่เสี่ยงถึงชีวิตในบางรายด้วย! ทำความรู้จักกับ “ริ้นฝอยทราย” “ริ้นฝอยทราย” หรือ “Sand Fly” เป็นแมลงตัวจิ๋วขนาดเล็ก 2 – 5 มิลิเมตร ตัวสีน้ำตาลอ่อน ปกคลุมด้วยขน มีปีกสีขาวบ้างก็เป็นสีทอง มีหนวดที่ยาว อาศัยอยู่ในป่าหรือสวนเขตร้อนกับป่าเขตอบอุ่นทั่วโลก โดยริ้นฝอยทรายตัวผู้จะกินน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ แต่ริ้นฝอยทรายตัวเมียจะดูดเลือดจากสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่เป็นอาหารเพื่อนำโปรตีนจากเลือดมาสร้างรังไข่ให้กับมันเอง ค่อนข้างมีชีวิตเหมือนยุง แต่จะไม่เลือกกินเลือดมาก สามารถอยู่ได้กับการกินเลือดสัตว์เพาะเลี้ยงหรือมนุษย์ได้หมด ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคเลือดมากมายที่อาจทำให้ตอนแรกผู้คนคิดว่ามาจากยุงได้ หากถูกกัดก็จะได้รับพิษจากน้ำลายที่ทำให้มีรอยนูนสีแดงก่อนที่จะกลายเป็นสะเก็ดแผลซึ่งหากรักษาไม่ทันจะเป็นแผลถาวร อีกทั้งยังมีผลต่อเยื่อบุและอวัยวะภายในส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตับ ม้าม น้ำเหลือง จนถึงกระดูกทำให้เจ็บปวดมาก ที่น่ากลัวคือเชื้อสามารถเพิ่มจำนวนอย่างต่อเนื่องในเม็ดเลือดขาวได้เองด้วย  การดำรงชีวิตของ “ริ้นฝอยทราย” “ริ้นฝอยทราย” มีวัฏจักรกับการดำรงชีวิตคล้ายยุงทุกอย่าง เพียงแต่ตัวของมันมีขนาดเล็กกว่ามากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์จึงจะเห็นตัวมันจริง ๆ ได้ โดยมันมักจะอยู่บริเวณรูที่สัตว์กัดแทะ คอกสัตว์ รอยแตกของสิ่งก่อสร้าง ต้นไม้ที่มีความชื้น […]

“ทารันทูล่าฮอว์ค” ตัวต่อผู้โค่นแมลงยักษ์ที่เป็นศัตรูได้

“ทารันทูล่าฮอว์ค” ตัวต่อผู้โค่นแมลงยักษ์ที่เป็นศัตรูได้

แค่พูดถึงคำว่า “ตัวต่อ”ก็สยองไม่ต่างจากเวลาที่ได้ยินคำว่า “ผึ้งหลวง”แล้ว เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าสัตว์ปีกชนิดนี้เป็นสัตว์ที่น่ากลัวไม่ต่างจากลักษณะทางกายภาพที่มีลวดลายเข้มและปีกที่กว้างตามสไตล์ของผู้ที่มีกายแข็งแกร่งพร้อมสู้กับศัตรูในทุกรูปแบบแม้จะตัวเล็ก แถมยังมีลักษณะนิสัยที่ขี้หงุดหงิดและระแวงจนทำร้ายสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้อย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายบาดเจ็บหนักเป็นที่หนึ่ง ไม่ต้องให้ถึงตัวต่อที่พิษร้ายแรงที่สุดในโลกหรอก แค่ตัวต่อธรรมดาในเมืองไทยที่เราพบเห็นได้ตามบ้านเรือนก็เล่นเอาบางคนแพ้พิษที่โดนต่อยจนจับไข้  1 – 3 วันและเกิดอาการอาเจียน คลื่นไส้แล้ว นี่ยิ่งเราต้องมารู้ว่าในโลกอันกว้างใหญ่ยังมีตัวต่อสุดอันตรายที่ไม่ควรเข้าใกล้อย่าง “ทารันทูล่าฮอว์ค” ซึ่งเป็นตัวต่อผู้น่าเกรงขามในหมู่ตัวต่ออื่นอีก ยิ่งน่ากลัวมากกว่าเดิม แต่ก็ควรศึกษาเรื่องราวของมันไว้ให้รู้ทันหากต้องเดินทางไปอยู่ในพื้นที่ที่มีทารันทูล่าฮอว์ค! ทำความรู้จักกับ “ทารันทูล่าฮอว์ค” “ทารันทูล่าฮอว์ค” หรือ “ต่อเหยี่ยว” เป็นตัวต่อไปเดอร์ในตระกูลของ Pepsis และ Hemipepsis ขนาดตัว 5 เซนติเมตร ลำตัวเป็นสีน้ำเงินบ้างก็เป็นสีดำ ปีกยาวมีสีสนิมสว่าง ขายาวมีการซ่อนกรงเล็บที่เต็มไปด้วยขนแหลจับเหยื่อได้อย่างสบาย ๆ โดยเฉพาะเหล็กในของทารันทูล่าฮอว์คซึ่งคมที่สุดและมีขนาดเหล็กในใหญ่ที่สุดไม่ต่างกับฤทธิ์ที่สามารถทำให้เหยื่อของพวกมันเป็นอัมพาตอย่างที่ฟื้นฟูร่างกายกลับคืนมายากก่อนที่จะลากมันไปที่รังของมันเพื่อจับไปเป็นอาหาร แม้จะเป็นเหยื่อสัตว์หรือแมลงขนาดเล็กกว่าหรือใหญ่กว่ามันก็ตาม เหล็กในสามารถมีผลร้ายแรงได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่มนุษย์ก็ไม่เว้น บางคนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ภายในไม่กี่วินาทีหากแพ้เหล็กในของทารันทูล่าฮอว์ค ทำให้ทารันทูล่าฮอว์คถูกจัดให้เป็นหนึ่งในแมลงที่ต่อยเจ็บที่สุดของโลก พบได้ในพื้นที่แถบอินเดีย, โซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ติดทะเล, แอฟริกา, ยุโรป, ออสเตรเลีย และอเมริกา การดำรงชีวิตของ “ทารันทูล่าฮอว์ค” “ทารันทูล่าฮอว์ค” มักอาศัยอยู่ในรูเล็ก ๆ ที่มีโพรงยาวตามต้นไม้ ตามดิน หรือจอมปลวกติดต้นไม้ […]

“โอล์ม” ซาแมนเดอร์น้ำฟีลงู แต่ออร่าไร้เดียงสา

“โอล์ม” ซาแมนเดอร์น้ำฟีลงู แต่ออร่าไร้เดียงสา

“ซาลาแมนเดอร์” เป็นสัตว์ที่มีมุมมองต่อสายตาผู้คนได้ 2 แบบ แบบแรกคือ สายพันธุ์ซาลาแมนเดอร์ที่มีความน่ากลัวและแอบสยอง กับอีกรูปแบบมุมมองคือ สายพันธุ์ซาลาแมนเดอร์ที่มีความน่ารัก แลดูไร้เดียงสามาก ซึ่งวันนี้เราพักจากชนิดของซาลาแมนเดอร์ที่มีความน่ากลัวไว้ก่อน แล้วมารู้จักกับเจ้าซาลาแมนเดอร์น้ำตัวเล็กอย่าง “โอล์ม”กันดีกว่า เพราะทันทีที่หาข้อมูลของสัตว์แปลก เราก็ไปพบกับเจ้าสัตว์ตัวนี้ที่แค่มองรูปก็รู้สึกว่า ดูแปลกประหลาดจนทีแรกต้องขยี้ตาแรง ๆ เพราะคิกว่าเป็นงู แอบไม่น่าไว้ใจ แต่ใครเล่าจะรู้ว่า ความจริงเจ้าโอล์มเป็นสัตว์ที่ไร้เดียงสามากจนเราอดไม่ได้ที่จะเอ็นดูมัน และอยากนำเจ้าซาลาแมนเดอร์ชนิดนี้มาบอกเล่าให้คุณได้รู้เรื่องราวอันน่ามหัศจรรย์ใต้น้ำลึกและอิสระที่พาให้น่าสนใจในการดำรงชีวิตของมันมากในวันนี้ ทำความรู้จักกับ “โอล์ม” “โอล์ม” หรือที่ผู้คนเรียกกันติดปากว่า “ซาลาแมนเดอร์ตาบอด” เป็นซาลาแมนเดอร์น้ำชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ได้ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มบริเวณทะเลเอเดรียติก แถบที่เป็นถ้ำลึกในทวีปยุโรปกลาง และยุโรปตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งพบได้มากทางประเทศสโลเวเนียกับโครเอเชีย มีรูปร่างเพรียวยาวเหมือนงู แต่มีขาเล็กสั้นตัวโตเต็มวัยยาวประมาณ 40 เซนติเมตร ตาเล็กใส ๆ น่ารัก มีหงอนเล็ก ๆ ยื่นออกมาบริเวณคอ ผิวหนังขาวซีด ไม่มีเม็ดสี ไม่สามารถใช้ประสาทสัมผัสทางตาได้ เนื่องจากโอล์มใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำที่มีแต่ความมืด ไม่มีแสงสว่างส่องเข้ามาถึงจึงไม่ได้ใช้ประโยชน์จากตาแต่กำเนิด อีกทั้งโอล์มยังเป็นสัตว์น้ำที่มีอายุยืนได้นานถึง 100 ปี และสามารถมีชีวิตอยู่ได้แม้ไม่ได้กินอะไรเลยเป็นเวลานาน 10 ปีด้วย ชาวพื้นเมืองก็มักจะให้ฉายามันว่า “ลูกมังกร” การดำรงชีวิตของ “โอล์ม” […]

ความสามารถพิเศษของสัตว์ที่คุณอาจคาดไม่ถึง

ความสามารถพิเศษของสัตว์ที่คุณอาจคาดไม่ถึง

แม้ว่าสัตว์กับคนจะไม่สามารถสื่อสารกันได้ จนทำให้เราที่เป็นมนุษย์ มีภาษาที่แตกต่าง มีศิลปะในการคิดประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ และก่อร่างสร้างความเจริญไปจนถึงอารยธรรมใหม่ ๆ ที่ทำให้โลกก้าวหน้าไปไกลนั้นเกิดความรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าสัตว์ทั้งปวง ซึ่งก็แน่นอนว่าพวกเรานั้นมีความเหนือกว่าเขาจริง แต่ไม่ได้เหนือไปทุกด้าน เพราะหากเป็นเรื่องที่ต้องใช้สติปัญญาแล้วล่ะก็มนุษย์เราสามารถทำทุกอย่างด้วยความสามารถตัวเองจนมันออกมาดีและเกิดความยิ่งใหญ่ในโลกที่ทีแรกไม่มีอะไรเลยจนทุกอย่างเปลี่ยนไปมีแต่ความรุ่งเรือง  ส่วนหากพูดถึงสัตว์นั้น แม้พวกเขาจะดำรงชีวิตอยู่ในระบบนิเวศและสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ของตัวเอง ไม่ได้มีการพัฒนาจากเมื่อก่อนเฉกเช่นมนุษย์ แต่พวกเขาก็มีความสามารถหนึ่งที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปนั่นก็คือ “สัมผัสพิเศษ” ที่ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อเพราะหลายครั้งแล้วที่สัตว์หลายชนิดแสดงพฤติกรรมที่บ่งบอกให้รู้ว่าพวกเขามีความสามารถพิเศษนั้น ๆ ซึ่งมนุษย์นั่นล่ะที่จะรอดและรู้คำเตือนอ้อม ๆ ได้จากสัตว์ ความสามารถพิเศษของสัตว์ที่คุณคาดไม่ถึงจะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย! สัตว์มีความสามารถพิเศษรู้ถึงภัยพิบัติได้ หลายครั้งแล้วที่สัตว์รอบตัวเราได้แสดงการรับรู้ในพลังแห่งธรรมชาติที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้าจนหนีและอพยพกันได้ทันท่วงทีในขณะที่มนุษย์นั้นไม่สามารถรับรู้ภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นได้เลยหากไม่มีผลกระทบที่เกิดขึ้นมาให้เห็นในระดับเบาก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติใหญ่ แต่สัตว์นั้นสามารถรับรู้ได้ก่อนหน้าเป็นเดือน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่กำลังจะมีพายุซึ่งนกจะบินกลับรังเร็วกว่าปกติทั้งที่ฟ้ายังไม่ทันครึ้ม การอพยพถิ่นฐานของนกนางแอ่นตามฤดูกาล หรือแม้แต่การเกิดสึนามิที่สัตว์น้ำจะหายไป เสียงสัตว์รอบข้างแทบจะไม่มี เป็นต้น ซึ่งการรู้ลางมาจากประสาทสัมผัสของมันและการอยู่กับธรรมชาติมาตลอดชีวิตนั่นเอง แตกต่างจากมนุษย์ที่อยู่กับความสบายของเทคโนโลยีจนไม่อาจสัมผัสสิ่งเหล่านี้ได้ เป็นความสามารถพิเศษที่ทึ่งมากจริง ๆ สัตว์มีความสามารถพิเศษในการอ่านใจคนออก สัตว์มีความสามารถพิเศษในการอ่านใจคนออกได้โดยการมองแววตา ลักษณะการแต่งตัว และสีหน้าท่าทางซึ่งพวกเขาสามารถรู้ได้ถึงเป้าหมายพื้นอารมณ์จิตใจของคนคนนั้นว่ามาดีหรือมาร้าย แล้วมีลักษณะนิสัยเป็นแบบใด แม้จะไม่ได้มองคนได้หลากหลายมุมมองแต่หากมองเบื้องลึกของตัวตนตรง ๆ ล่ะก็พวกเขาสามารถรู้ได้แน่นอน จึงไม่แปลกหากเราจะเห็นแมวหรือสุนัขขู่แขกบางคนที่มาบ้านของเราซึ่งมีจุดประสงค์ไม่ดีนัก สัตว์มีความสามารถพิเศษมองเห็นสิ่งเหนือธรรมชาติ ประสาทสัมผัสของสัตว์มีความพิเศษในการสัมผัสสิ่งเหนือธรรมชาติที่เคลื่อนไหวรอบตัวได้อย่างรวดเร็วแม้จะมองไม่เห็นแต่สัตว์ชนิดต่าง ๆ ก็สามารถใช้ประสาทสัมผัสประจำตัวที่พิเศษกว่าส่วนอื่นรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติรายล้อมอยู่ซึ่งหากสัมผัสแล้วไม่ดีต่อพวกเขาก็จะแสดงพฤติกรรมการขู่หรือร้องเสียงดัง แต่หากกลัวก็จะเป็นการถอยหนีอย่างช้า ๆ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ที่สุนัขจะหอนเวลามีผี ที่จริงแล้วสุนัขไม่ได้เห็นผีแต่พวกเขาได้กลิ่นแฝงของสิ่งเหนือธรรมชาติจากประสาทสัมผัสที่ชัดเจนที่สุดของพวกเขานั้นเอง […]

3 เหตุผลที่ทำให้สุนัขกระตือรือร้นอยากออกจากบ้าน

3 เหตุผลที่ทำให้สุนัขกระตือรือร้นอยากออกจากบ้าน

คุณอาจจะสงสัยว่า เหตุใดสุนัขของคุณจึงได้ชอบกระตือรือร้นที่จะออกจากบ้านเสียจริง ทั้งที่คุณก็เลี้ยงดู ให้อาหาร ให้ความรักแก่เขาอย่างสมบูรณ์แบบ อบอุ่นเท่าที่จะทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวเดียวกันได้ แต่สุนัขของเราเขาก็ยังอยากไปจากเราอีกหรือ ช่างเป็นอะไรที่ทำให้หลายคนน้อยใจเสียจริง เราว่าเราก็ไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ทำไมแทนที่เขาจะกระตือรือร้นเอาเวลาที่ว่างส่วนใหญ่เข้าหาเรากลับกลายเป็นว่าตีตัวออกหากจากเราแล้วชอบมานั่งอยู่บริเวณประตูรั้วเสียอย่างนั้น นี่คือจุดที่ปกติสำหรับสุนัขส่วนใหญ่ที่คุณต้องเจออยู่แล้ว แต่เราแค่อาจจะเพิ่งเคยเลี้ยงสุนัขและยังศึกษาจิตวิทยาทางอารมณ์และสังคมของเขาไม่มากพอจึงอาจเข้าใจผิดว่าสุนัขไม่ชอบเราได้ แต่ความจริงแล้วธรรมชาติของสุนัขกลับเรียกหาให้ชีวิตเขาอยู่ในจุดที่สมดุลและไม่อยู่แต่กับสถานที่เดิม ๆ ต่างหาก ด้วยเหตุผลอะไรบ้างทางธรรมชาติที่ทำให้สุนัขกระตือรือร้นอยากออกจากบ้านเราขนาดนั้น? สุนัขอยากออกจากบ้านเพราะ “สุนัขตัวเมียส่งสัญญาณ” เหตุผลแรกที่ทำให้สุนัขทุกตัวมีความกระตือรือร้นที่อยากจะออกจากบ้านของคุณไปเที่ยวเล่น เพราะหลงรักสุนัขตัวเมียนี่เอง ในวัยเด็กสังเกตหรือไม่ว่า สุนัขจะติดคุณมากและอ้อนอยู่แต่กับคุณในบ้านอย่างมีความสุข อบอุ่นหัวใจ แต่พอเขาเริ่มเติบโตมาในวัยหนึ่งแล้วก็เริ่มจะอยากออกจากบ้านและสนใจคุณน้อยกว่าในวัยเด็ก ใช่ว่าเขาไม่รักคุณ เขารักและภักดีซื่อสัตย์กับคุณมาก แต่ความต้องการทางเพศของสุนัขก็ต้องเกิดขึ้นตามวัยที่เป็นธรรมชาติของเขาเหมือนกัน ยิ่งสุนัขตัวเมียส่งสัญญาณผ่านการร้องหรือแอบเดินผ่านไปผ่านมาก็ยิ่งทำให้สุนัขของคุณอยากออกไปหาสุนัขตัวเมียมากขึ้นอีก สุนัขอยากออกจากบ้านเพราะ “คุณให้เขาอยู่แต่บ้าน” การที่สุนัขของคุณอยากออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นหนักมากถึงขนาดที่ว่าบางทีก็ไม่เชื่อฟังในสิ่งที่คุณพูด เอาแต่มองสภาพแวดล้อมด้านนอกรั้วบ้าน นั่นมีโอกาสที่เป็นไปได้ว่า คุณเลี้ยงสุนัขของคุณให้อยู่แต่ในบ้าน แทบไม่ค่อยให้เขาได้ออกไปไหน มีชีวิตอิสระประจำวันเลย เพราะอย่างน้อยสุนัขก็ควรได้ออกไปเที่ยวเล่นหาประสบการณ์ในชุมชนใหญ่ ไร้กรอบรั้วบ้าง สัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง โดยจะมีคุณจูงไปเดินเล่นหรือให้เขาออกไปเที่ยวเองก็ได้ แต่หากคุณไม่เคยให้สุนัขตัวเองทำเช่นนั้นแปลว่าคุณจำกัดสิทธิ์ของเขามากเกินไปแล้ว ไม่แปลกที่สุนัขจะกระตือรือร้นขนาดนี้ สุนัขอยากออกจากบ้านเพราะ “ได้รับการท้าทาย” การที่สุนัขมีความกระตือรือร้นอยากออกจากบ้านมากอีกเหตุผลหนึ่งคือ การได้รับการแสดงออกในเชิงท้าทายจากเพื่อนสุนัขด้วยกันที่อาจจะแอบมาเดินผ่านไปผ่านมาหรือยืนจ้องหน้า บ้างก็เห่าเพื่อเป็นการส่งสัญญาณหรือข้อความสื่อสารในเชิงที่ “ออกมาไม่ได้ล่ะสิ ช่างน่าเศร้าจริงที่จะไม่ได้รวมก๊วนกับเรา รอให้ออกมาได้แล้วค่อยมาหาฉันนะ แต่คงจะยาก” […]

ความรักบันลือโลกของหมาป่าที่คุณอาจไม่รู้

ความรักบันลือโลกของหมาป่าที่คุณอาจไม่รู้

“หมาป่า” เป็นสัตว์อันสง่างามท่ามกลางป่าลึกที่น่าค้นหาซึ่งมีไหวพริบในการต่อสู้และการล่าเหยื่อที่ดีมากจนบางคนอาจมองว่าควรอยู่ให้ห่างจากมัน แน่นอนหมาป่าในภาพลักษณ์อันน่าเกรงขามและน่าหวาดกลัวของคุณเป็นเพียงมุมมองของเผ่าพันธุ์มนุษย์เท่านั้น แต่รู้หรือไม่ว่าตัวตนแท้จริงภายใต้ความองอาจ กล้าหาญ และไม่ปรานีเหยื่อนั้น ภายในพวกเขากลับแฝงไว้ด้วยความรักที่มีต่อคู่ครองตัวเองซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็น “สัตว์ที่มีความรักบันลือโลก”เลยก็ได้ จนเวลานี้หมาป่าได้ถูกเปลี่ยนให้กลายมาเป็น “ตัวแทนของความซื่อสัตย์และรักที่มั่นคง”แล้ว ซึ่งมนุษย์เราก็สามารถนำบทเรียนความรักอันสูงส่งของหมาป่ามาใช้สอนใจในชีวิตคู่ของตัวเองได้เช่นกัน วันนี้หากคุณยังสงสัยในความรักของหมาป่าว่าจะยิ่งใหญ่ขนาดไหนล่ะก็เราจะมาอธิบายกันให้รู้เลยกับ 3 ความรักที่คุณอาจแทบไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ในสัตว์ป่าไร้อารยธรรมตัวหนึ่งที่แฝงตัวท่ามกลางความเงียบเชียบท่ามกลางพรรณไม้ หมาป่ารักเดียวใจเดียว หากใครเป็นคนที่ชอบในเรื่องราวของหมาป่าอยู่แล้วก็คงเคยได้ยินมาบ้างว่า หมาป่าเป็นสัตว์ที่รักเดียวใจเดียว หากมันเลือกหมาป่าตัวใดเป็นคู่ครองแล้วก็ย่อมจะอยู่กับคู่ครองนั้นจนกว่าจะหมดลมหายใจ แม้ว่าหมาป่าคู่ครองของตัวเองจะสิ้นชีวิตไปก่อนก็จะไม่มีรักใหม่และครองคู่กับหมาป่าตัวอื่นเด็ดขาด มันยอมที่จะอยู่ตัวคนเดียวตลอดชีวิตด้วยความรักและความผูกพันที่มีต่อคู่รักหนึ่งเดียวของตัวเองที่มอบให้ถึงจิตวิญญาณเลย ฉะนั้นหากรักแล้วก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจ หมาป่าตัวใดคิดจะเข้าหามันเกินขอบเขต มันจะทำให้หมาป่าตัวนั้นเจ็บจนไม่กล้ามาเรียกร้องความรักจากมันแทนคู่รักเก่าที่สิ้นชีวิตไปได้อีก หมาป่าจะมีการสร้างสมาชิกครอบครัวเพิ่มทุกปี เมื่อหมาป่ามีคู่ครองของตัวเองแล้วก็จะมีการสร้างสมาชิกในครอบครัวร่วมกันอย่างรวดเร็วมากนับตั้งแต่ปีแรกที่มาอยู่ด้วยกันเพียงไม่กี่เดือนมันก็จะมีลูกกัน และไม่ใช่แค่ปีแรกที่มีการผสมพันธุ์ด้วยความรักเพื่อมีลูก แต่หมาป่าจะผสมพันธุ์กันทุก ๆ ปีเพื่อเพิ่มสมาชิกในครอบครัวใหม่จึงไม่แปลกที่ทำไมหมาป่าจึงเป็นสัตว์ที่มีฝูงใหญ่มากที่สุดอีกชนิดหนึ่งของโลก หากคุณได้มีโอกาสไปเดินป่าลึกก็อาจมีโอกาสได้เห็นลูกหมาป่าเป็นสิบตัวหรืออาจจะมากกว่านั้นเลยก็ได้ เรียกได้ว่าหมาป่าชอบที่จะอยู่รวมกันเป็นฝูงร่วมกับลูกและคู่ครองแท้ ๆ ของตัวเองด้วยความรักและความอบอุ่นที่สุด หมาป่ายอมปกป้องคู่รักด้วยชีวิต เมื่อเกิดเหตุการณ์อันตราย หมาป่าย่อมจะมอบทั้งความรักและชีวิตให้คู่ครองตัวเองโดยยอมต่อสู้กับสัตว์ที่มารุกล้ำถิ่น ต่อสู้กับสัตว์ที่จะเข้ามาทำร้ายคู่ครองและลูก ๆ ตัวเองอย่างเต็มที่เท่าที่ตัวเองจะสามารถทำได้จนลมหายใจสุดท้าย ยอมที่จะเสียสละความสุขและชีวิตตัวเองเพื่อผู้ที่มันรักได้ เรียกได้ว่าแม้จะบาดเจ็บแค่ไหนก็มีความสุขหากพวกเขาที่เป็นครอบครัวจะปลอดภัย ตายไปข้างก็ได้! ช่างเป็นความรักที่อ่านแล้วน้ำตาไหลจริง ๆ ลิงก์ที่เกี่ยวข้องกับ “ความรักของหมาป่า” Wolves Say “I Love You” with Face Bites and […]

How To ดูแลสุนัขไม่ให้เป็นฮีทสโตรกจากอากาศร้อน

How To ดูแลสุนัขไม่ให้เป็นฮีทสโตรกจากอากาศร้อน

ช่วงนี้อากาศเมืองไทยเราเรียกได้ว่าร้อนมาก ร้อนจนเราต้องไปรวมตัวกันอยู่ในห้องแอร์จนค่าไฟขึ้น ร้อนจนดื่มกาแฟหรือน้ำเต้าหู้ก็ต้องเป็นประเภทเย็นหมด ร้อนแบบปวดหัวไมเกรนแทบทนไม่ไหว ขนาดเราที่อยู่กับอากาศนี้มานานและมีภูมิคุ้มกันต่อสภาพอากาศที่ดียังทนไม่ไหวขนาดนี้ ยิ่งเปิดพัดลมยิ่งพัดเอาไอร้อนเข้ามาสู่หน้าแบบนี้ แล้วสุนัขของเราที่เลี้ยงไว้นอกบ้านล่ะพวกเขาจะอยู่กันได้อย่างไร แน่นอนคุณอาจคิดว่าสุนัขถูกเลี้ยงอยู่ข้างนอกมาโดยตลอด พวกเขาก็น่าจะสามารถทนต่ออากาศร้อนได้ แต่ความจริงไม่ใช่แค่เพียงมนุษย์เท่านั้นที่จะอากาศร้อนจนกลายเป็น “ฮีทสโตรก” หรือโรคลมแดดที่เกิดจากอากาศรอบตัวร้อนจนทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงถึง 40 องศาจนอันตรายและเสียชีวิตได้ แต่สำหรับสัตว์เลี้ยงอย่างแมวกับสุนัขก็สามารถเป็นฮีทสโครกได้เช่นกัน และอาจจะรุนแรงมากกว่าคนด้วย โดยเฉพาะสุนัขที่ถูกเลี้ยงอยู่นอกบ้านที่เราอาจจะเห็นแล้วว่าช่วงนี้พวกเขาหอบแรงกว่าปกติซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนที่คุณควรจะดูแลไม่ให้เกิดฮีทสโตรกได้ด้วยวิธีการเหล่านี้ เติมน้ำให้สุนัขกินตลอดเวลาเพื่อป้องกันฮีทสโตรก การเติมน้ำให้สุนัขในวันที่อากาศร้อนมากจะช่วยทำให้สุนัขที่กระหายน้ำมีน้ำดื่มกินตลอดเวลา และคลายจากอาการเวียนศีรษะ หายใจไม่ดีได้ด้วย เพราะช่วงเวลาที่อากาศร้อนจัดจะเป็นช่วงเวลาที่สุนัขกินน้ำบ่อยและการกินน้ำแต่ละครั้งก็ทำให้ปริมาณน้ำหมดอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ คุณจึงต้องทำหน้าที่เติมน้ำให้แก่สุนัขตลอดเวลาและคอยดูว่าเมื่อไหร่บ้างที่น้ำใกล้จะหมด ในเบื้องต้นน้ำคือสิ่งที่ช่วยสร้างความเย็นสดชื่นให้แก่ร่างกายสุนัขได้ ป้องกันได้ในระดับหนึ่งจากฮีทสโตรกเลย ย้ายกรงสุนัขไว้ใต้ร่มไม้เพื่อป้องกันฮีทสโตรก ตามปกติแล้วผู้คนมักจะวางกรงสุนัขไว้ให้อยู่หน้าบ้านหรือบริเวณกลางแจ้งแบบ Open-Air ที่แดดส่องถึง แต่ในวันที่อากาศร้อนแบบนี้เราต้องดูแลป้องกันการเกิดฮีทสโตรกในสุนัขโดยการจัดเปลี่ยนตำแหน่งของกรงสุนัขที่วางไว้ให้ไปอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ๆ ก็จะช่วยให้คลายความร้อนจากอากาศลงได้มากกว่าการอยู่ภายใต้ร่มหลังคาอีก เพราะใบไม้จะมีพลังดูดซับความเย็นทำให้มีอากาศบริสุทธิ์ ช่วยทำให้สุนัขที่นอนหลับมีการพักผ่อนที่เต็มอิ่มและหายใจคล่องมากขึ้นอีกด้วย เน้นอาหารเย็น ๆ ให้สุนัขเพื่อป้องกันฮีทสโตรก ในเวลาที่อากาศร้อน ๆ สุนัขควรจะได้กินอาหารที่เย็นแล้ว ไม่ควรให้อาหารที่เพิ่งเสร็จจากการหุงต้มหรือเป็นประเภทซุปอุ่น ๆ นักเพราะสุนัขจะไม่แฮปปี้เท่าไหร่เวลาที่อากาศร้อน อีกทั้งยังทำให้ไม่ค่อยสบายตัวอีกด้วย จึงควรรอให้อาหารเย็นและอุ่นน้อยลงก่อนจึงให้เขา นอกจากนี้อาจจะมีของหวานให้สุนัขด้วยอย่างพวกผลไม้หรือขนมหวานก็จะดีมาก สามารถป้องกันฮีทสโตรกได้จากพลังงานรสหวานนี่เอง รูปภาพประกอบ รูปภาพที่ 1 : https://www.sanook.com/ รูปภาพที่ 2 : […]

“Markhor” แพะป่าปากีสถานดึกดำบรรพ์สุดสง่างาม

“Markhor” แพะป่าปากีสถานดึกดำบรรพ์สุดสง่างาม

ในนิทานภาพหรือเรื่องเล่าที่เป็นแนวคลาสสิกพื้นเมือง เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินเรื่องราวการอ้างอิงสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีเขายาวคดเคี้ยวงดงามดูคล้ายพวกละมั่ง แต่ลำตัวกลับมีรูปร่างอ้วนท้วม ขนยาวดุจแพะซึ่งใครต่อใครพอได้ยินก็ย่อมรู้สึกได้ถึงความสง่างามและความน่าแปลกใจในลักษณะของมันที่ไม่มีสัตว์เลือดอุ่นใดเหมือนได้ และที่มากไปกว่านั้นคงมีเพียงแค่บางคนที่จะรู้ว่าสัตว์ในนิทานชนิดนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องเล่าแต่มีตัวตนอยู่จริงในปากีสถานซึ่งพบได้ในปัจจุบันอีกด้วย แต่เพราะไม่ได้มีมากมายจึงทำให้หลาย ๆ คนที่ไม่ใช่ชาวพื้นเมืองอาจไม่เคยเห็นและคิดว่ามันมีปรากฏเป็นแค่ภาพในหนังสือเท่านั้น วันนี้เราจึงถือโอกาสมาแนะนำ “Markhor” แพะป่าปากีสถานดึกดำบรรพ์สุดสง่างามให้ทุกคนได้รู้จักกันในวันนี้ ซึ่งอาจทำให้คุณอยากไปเที่ยวและท่องสำรวจป่าเขาปากีสถานมากขึ้นก็ได้ ทำความรู้จักกับ “Markhor” “Markhor” เป็นแพะป่าขนาดใหญ่สายพันธุ์ Capra ที่กระจายพันธุ์อยู่ทางเอเชียกลางและตามแนวเทือกเขาหิมาลัยที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้กับอากาศที่หนาวเย็น ซึ่งพบมากที่สุดในประเทศปากีสถานทำให้ Markhor กลายเป็นสัตว์ประจำชาติของปากีสถานที่มีชื่อเรียกปากต่อปากกันในหมู่ชาวพื้นเมืองว่า “แพะเขาสกรู” อันมาจากลักษณะเขาของมันที่ม้วนงอขดตัวกันยาว 160 เซนติเมตรและสูงมากถึง 25 เซนติเมตรเป็นความโดดเด่นที่ไม่มีใครเหมือน โดยตัวผู้จะมีขนสีน้ำตาลอ่อนจนถึงสีดำ แต่หากเป็นตัวเมียจะมีขนเป็นสีน้ำตาลแดงและมีข้อเสียในด้านกลิ่นตัวที่ค่อนข้างรุนแรงมาก แต่ข้อดีคือ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เขาหิมาลัยและใกล้ป่าที่ Markhor อยู่จะสามารถรู้ถึงสัญญาณอันตรายหรือภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเขาได้ใยไม่ช้าผ่านเสียงร้องของ Markhor ที่ดังก้องไปทั่วป่าทั่วเขาสนั่น การดำรงชีวิตของ “Markhor” “Markhor” มักอาศัยอยู่ในป่าดงดิบที่มีอากาศชื้นและเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่หลัก ๆ อย่างต้นโอ๊กและต้นสน โดยจะออกหากินในช่วงเวลาตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงบ่ายแก่ ๆ ก่อนจะกลับที่อยู่อาศัย ซึ่งพวกมันมีการกินอาหารที่หลากหลายเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลเพื่อให้ร่างกายปรับตัวกับอาหารธรรมชาติตามฤดูกาลได้โดยไม่มีผลเสียใด ๆ และจะผสมพันธุ์กันเมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาวโดยตัวผู้จะต้องผ่านการทดสอบการเป็นผู้แข็งแกร่งที่เหมาะสมกับตัวเมียที่ตนเลือกโดยการพุ่งเขาชนกันและล็อคตัวซึ่งหากฝ่ายใดถูกผลักจนกระเด็นก็จะเป็นฝ่ายแพ้และต้องหาคู่ผสมพันธุ์ใหม่ ซึ่งมันจะคลอดลูกออกมาในจำนวนน้อยกว่าสัตว์อื่นมาก อาหารสุดโปรดของ “Markhor” “Markhor” มีอาหารสุดโปรดที่พวกมันชื่นชอบมาก ได้แก่ หญ้า ใบไม้ […]

“Man-O-War” สัตว์ทะเลแอตแลนติกที่เหมือนของเล่นเด็กสดใส

“Man-O-War” สัตว์ทะเลแอตแลนติกที่เหมือนของเล่นเด็กสดใส

หากจะกล่าวถึงสัตว์ทะเลลึกลับสำหรับเราที่ไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน แต่สำหรับในต่างประเทศมีออกหลายคนที่รู้จักกัน หนึ่งในนั้นที่เราพูดถึงกันไม่ได้ย่อมเป็น “Man-O-War” สัตว์ทะเลแอตแลนติกที่มีรูปร่างสุดแปลกจนอาจทำให้เด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่ที่มาเที่ยวเล่นตามชายหาดมองแล้วคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ของเล่นสีสันสดใสชนิดหนึ่งที่มีคนลืมไว้บนผืนทรายที่มาทำกิจกรรมกันเท่าไหร่ แต่หากดูดี ๆ แล้วก็จะรู้ว่าเจ้านี่มันขยับได้และเป็นสัตว์ทะเลที่ใคร ๆ ก็มองว่าสวยงามเป็นสีสันให้แก่ชายหาดมานมนาน คล้าย ๆ กับปูลมของเมืองไทยเรานี่เอง แต่เจ้า Man-O-War กลับมีตัวที่ใหญ่และเห็นได้ชัดเจนโดดเด่นมาก ซึ่งหากคุณอยากรู้ว่าเรื่องราวของมันจะน่าสนใจแค่ไหนแล้วล่ะก็มาอ่านกันในบทความนี้ได้เลย เพราะเวลานี้ทุกคนคงตั้งคำถามหลายคำถามแล้วว่ามันเป็นสัตว์ทะเลแต่ทำไมอยู่บนฝั่งได้? แล้วมีอันตรายหรือไม่? มาเจาะลึกเรื่องของ Man-O-War ไปพร้อม ๆ กันเลย ทำความรู้จักกับ “Man-O-War” “Man-O-War” หรือชื่อเต็มคือ “Portuguese man-of-war” เป็นแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกสที่อยู่ในไฟลัมไนดาเรีย ในชั้นไฮโดรซัว ซึ่งมีคุณสมบัติในการใช้ชีวิตที่ไม่จัดอยู่ในเผ่าพันธุ์ของแมงกะพรุนอย่างเป็นทางการ แต่ด้วยลำตัวที่มีความใสและเป็นสีสวยหลากหลายเรืองแสงและมีหนวด คนพื้นเมืองจึงเรียกง่าย ๆ ว่า “แมงกะพรุน” โดยลักษณะเด่นของ Man-O-War จะอยู่ที่รูปร่างลำตัวใสของมันที่มีลักษณะคล้ายหมวกของทหารเรือชาวโปรตุเกสในยุคศตวรรษที่ 18 บ้างก็ว่าเหมือนเรือรบของโปรตุเกสในยุคล่าอาณานิคมที่ชื่อว่า “”Man-of-war”  โดยทั่วไปเราจะพบ Man-O-War ได้ 2 สี ได้แก่ สีฟ้ากับสีม่วงขึ้นอยู่กับพันธุกรรมของแต่ละตัว พบได้มากสุดในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ซึ่งปกติจะอยู่ในน้ำลึก […]

“Chromodoris Willani” ทากทะเลต้นกำเนิดโปเกมอนชื่อ “ลาพลัซ”

“Chromodoris Willani” ทากทะเลต้นกำเนิดโปเกมอนชื่อ “ลาพลัซ”

โอ๊ะ! นั่นมัน “ลาพลัซ”นี่นา พวกเราไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม มีโปเกมอนน้ำอยู่ในโลกแห่งความจริงด้วยหรือเนี่ย ใครจะไปคิดว่าจะเจอลาพลัซตัวเป็น ๆ มันไม่ใช่แค่เพียงเรื่องเล่า แบบนี้ต้องหาโปเกบอลมาจับเสียแล้ว ว่าแต่ทำไมมันถึงตัวเล็กจัง ปกติที่เห็นในการ์ตูนโปเกมอนมันต้องใหญ่กว่านี้นี่นา ข้อสงสัยนี้เราจะมาบอกกันในวันนี้ล่ะว่าแท้จริงแล้วเจ้าสัตว์ทะเลที่คุณเห็นอยู่ มนุษย์เราเรียกมันว่า “Chromodoris Willani” (ชื่อยาวมาก) ไม่ได้ชื่อโปเกมอนลาพลัซแบบในการ์ตูนจริง ๆ หรอก แล้วหากถามว่าเจ้าโปเกมอนตัวนี้มันหลุดออกมาจากโลกการ์ตูนได้อย่างไรก็ต้องเปลี่ยนมุมมองคุณว่า เจ้า Chromodoris Willani มีชีวิตจริงอยู่ในทะเลของโลกเรามานมนานแล้ว และการ์ตูนโปเกมอนก็ได้รู้จักกับสัตว์ชนิดนี้จึงนำมันมาเป็นต้นแบบก่อกำเนิดโปเกมอนลาพลัซนี่เอง! แค่เห็นตัวก็อยากรู้ถึงที่มาที่ไปของเจ้า Chromodoris Willani แล้ว งั้นตามไปอ่านกันเลยดีกว่า ทำความรู้จักกับ “Chromodoris Willani” “Chromodoris Willani” เป็นสัตว์น้ำประเภททากทะเลในวงศ์ Chromodorididae พบได้มากในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก ตั้งแต่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ไปจนถึงวานู อาตู ซึ่งทากทะเล Chromodoris Willani ก็มีความสวยงามโดดเด่นของลำตัวแบนที่เป็นสีฟ้าหรือสีน้ำเงินซีด ลายดำยาวตรงกลาง และมีแถบข้างลำตัวเป็นสีขาว เวลาว่ายน้ำก็มักจะพลิ้วไหวเหมือนใบไม้น่ารักน่ามองมาก นอกจากนี้บริเวณศีรษะของมันยังมีหูยาวออกมาสองข้างและบริเวณส่วนท้ายของตัวก็มีขนยาวฟูเช่นเดียวกันซึ่งเคยมีข่าวลงว่าไทยเราพบกระต่ายน้ำสีขาวสวยซึ่งมันก็คือ ทากทะเล Chromodoris Willani อีกชนิดหนึ่งเหมือนกัน แต่สำหรับสายโปเกมอนจะให้ความสนใจกับทากทะเลสีฟ้าเป็นหลักมากกว่า เพราะไม่ได้มีแพร่หลายเหมือนสีขาว การดำรงชีวิตของ […]

“Grizzly Bear” หมีพูห์ในโลกแห่งความจริงก็มีนะ!

“Grizzly Bear” หมีพูห์ในโลกแห่งความจริงก็มีนะ!

ในวัยเด็กคุณรู้สึกชื่นชอบกับตัวการ์ตูนสัตว์ใดมากที่สุด แน่นอนว่าคงมีคนไม่น้อยที่บอกว่าตัวเองชอบหมีพูห์อยู่แล้ว เพราะเขาเป็นหมีที่มีความน่ารัก ดูไร้เดียงสา แต่ก็มีความเฟรนด์ลี่ เข้าใจคนอื่น มีมิตรภาพที่ดีต่อสัตว์ด้วยกันทุกตัวและยังรวมถึงความเป็นเพื่อนกับมนุษย์ด้วย ใครที่เป็นสายชอบหมีตัวสีน้ำตาลใส่เสื้อสีแดงในความทรงจำแล้วล่ะก็เราอยากให้คุณได้มีโอกาสมาอ่านบทความนี้แล้วลองถามกับตัวเองดูอีกครั้งว่า “คุณคิดว่า หมีพูห์ไม่มีตัวตนจริงอยู่ในโลกใบนี้จริงหรือ?” แล้วพวก “ป่าร้อยเอเคอร์”ล่ะมีอยู่จริงหรือเปล่า? คำตอบของคำถามทั้งหมดคุณจะได้ประจักษ์อย่างแท้จริงทันทีที่ได้รับรู้เรื่องราวของ “Grizzly Bear” หมีน่ารักแห่งทวีปอเมริกาเหนือที่เราจะนำมาบอกเล่ากัน ซึ่งยิ่งอ่านคุณอาจจะยิ่งมองเห็นว่าไม่แน่มันอาจจะเป็นแรบันดาบใจที่ทำให้เกิดตัวละครในความทรงจำวัยเด็กของใครหลายคนทั่วโลกอย่าง “หมีพูห์”ก็เป็นได้ ทำความรู้จักกับ “Grizzly Bear” “Grizzly Bear” เป็นหมีกินเนื้อที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางแถบทวีปอเมริกาเหนือและอะลาสกา จัดอยู่ในกลุ่มของหมีสีน้ำตาลซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีน้ำหนักได้ถึง 180-980 กิโลกรัม หรือ 1 ตัน สามารถยืนด้วยสองขาได้ หนึ่งในความโดดเด่นคือ Grizzly Bear มีส่วนของอวัยวะจมูกและปากที่ยื่นแหลมออกมา และมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงบริเวณระหว่างหัวไหล่ของขาหน้าทั้ง 2 ข้าง ที่ปูดเป็นหนอกขึ้นมาทำให้แขนกับขามีความป้อมแตกต่างกับหมีชนิดอื่น อีกทั้งยังชอบอยู่ตามทุ่งหญ้าและป่าร่มรื่นที่ไม่ลึกเหมือนหมีพูห์เลย นอกจากนี้ความสามารถพิเศษของ Grizzly Bear คือ การที่มันสามารถวิ่งได้เร็วมากถึง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเล็บยาวของมันก็ทำให้หมีชนิดนี้มีพลังในการตะปบหรือขูดสิ่งต่าง ๆ ได้ดีด้วย การดำรงชีวิตของ “Grizzly Bear” “Grizzly […]