ถอดรหัสความลับในภาษากายของสุนัข

ถอดรหัสความลับในภาษากายของสุนัข

เหล่าสาวกคนเลี้ยงสุนัขทั้งหลายในบางครั้งที่ได้เลี้ยงดู และดูแลพวกเค้าอาจทำให้เรามีทั้งเรื่องตลก สนุก ขำ โกรธ และความไม่เข้าใจในอารมณ์ ความคิดของเหล่าสุนัขที่เราเลี้ยง ซึ่งไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดอะไรที่เราไม่สามารถเข้าใจการกระทำ หรืออากัปกิริยาเหล่าสี่ขาตัวน้อยใหญ่

เพราะเหล่าสุนัขเองในบางทีก็ไม่เข้าใจในความหมายท่าทาง คำพูด ที่เราต้องการจะสื่อไปยังพวกเค้าเหมือนกัน แต่บทความนี้จะมีการถอดรหัสภาษาทางกายของสุนัขเบื้องต้นในท่าทางที่เรามักจะเห็นบ่อยๆ จากสุนัขสุดรัก สุดป่วนของเรา เพราะเมื่อเรารู้ และเข้าใจแล้วเราจะได้เป็นฝ่ายที่เดินเข้าหาสุนัขเพื่อทำให้สถานการณ์ราบรื่นมากขึ้น

1.สุนัขเอียงคอ ในบางครั้งอาจมีหูชี้ไปคนละทางร่วมด้วย

ความหมายคือ สุนัขสุดโปรดของเราเริ่มเกิดอาการไม่แน่ใจ งง หรือไม่เข้าใจความหมายที่เราต้องการสื่อทั้งทางคำพูด ท่าทาง หรืออารมณ์จากเรา เช่นเราเรียกชื่อสุนัข แล้วตามด้วยเสียง จุ๊ๆ ว่าห้ามส่งเสียงดัง หรือห้ามเห่า ในสุนัขบางตัวอาจไม่เข้าใจความหมายของเสียง จุ๊ๆ เราอาจไขรหัสให้สุนัขได้เข้าใจมากขึ้นโดยการ เดินเข้าไปเอามือปิดปากเค้า แล้วทำเสียงจุ๊ๆ พร้อมสัญลักษณ์ให้สุนัขได้จำว่า เราเอามือปิดปากตัวเอง พร้อมเดินไปเอามือปิดปากสุนัขร่วมด้วย แล้วทำเสียงให้เค้าจำว่า จุ๊ๆ ต่อไปก็จะรู้ว่านี่คือความหมาย ให้เงียบ อย่าเห่า (ควรทำแบบเดิมๆ ให้เค้าฝึกมอง และจดจำมากกว่า 3 ครั้งขึ้นไป)

2.สุนัขเดินไปเข้ามุมห้อง มุมของสถานที่

เป็นอาการบอกว่าสุนัขเริ่มมีความรู้สึกโดนคุกคาม ไม่ปลอดภัย หรือมีบุคคลใดบุคคลหนึ่งในสถานที่ตรงนั้นทำอะไรไม่ดีกับเค้า อาจเป็นที่เราที่เมื่อสักครู่เผลอตะโกนเสียงดังใส่ว่า อย่ากวน อย่าวิ่งเล่น หรือมีการใช้ของมาตีเค้า อาการนี้อาจมีสิ่งที่ตามมาด้วยคือ หางตกแนบลงมาปิดที่ก้น ก้มหน้า หูตก และเดินไปหลบมุมห้อง หรือมุมใดมุมหนึ่ง ตรงนี้ควรค่อยๆ เดินไปหาเค้าแล้วค่อยๆ ลูบที่หลับ และหัวแบบเบาที่สุด

เพราะในสุนัขบางตัวอาจมีอาการมากกว่านั้นคือ ตัวสั่นด้วยโดยเฉพาะสุนัขตัวเล็ก ภายหลังพยายามหลีกเลี่ยงอย่าให้สุนัขเจอกับสภาวะที่โดนคุกคามแบบนี้เรื่อยๆ เพราะจะกลายเป็นบุคลิกของเค้าที่ขี้กลัวต่อสิ่งรอบข้าง และสิ่งแปลกใหม่ที่เค้าไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัส จะทำให้สุนัขของเราอยู่ในโลกนี้อย่างยากลำบาก เพราะเราคงไม่สามารถอยู่ใกล้ชิดดูแลเค้าได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง

3.สุนัขเห่า วิ่งเข้าหาและหมุนตัวรอบตัวเอง

วิธีการแสดงออกแบบนี้หมายถึง สุนัขมีอารมณ์ร่าเริง และต้องการเล่นกับเรารวมถึงอยากให้เราพาเค้าออกไปสถานที่ข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นสนามหญ้าหน้าบ้าน หรือสถานที่สาธารณะข้างนอก เพราะการหมุนรอบตัวเอง และเห่าด้วยเป็นอาการผ่อนคลาย และอยากเล่นสนุก อยากมีส่วนร่วมในกิจกรรมร่วมกับเรา

4.การหอน

การหอนของสุนัขที่ไม่ได้หอนเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น แต่หมายถึงหอนในช่วงกลางวัน หรือในบางสถานการณ์ร่วมด้วย อย่างเช่นเจ้าของขับรถแล้วร้องเพลงไปด้วย โดยเฉพาะคนที่เลี้ยงสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ จะมีลักษณะบุคลิกที่มักจะหอนร่วมด้วยกับเวลาที่เจ้าของร้องเพลงบ่อยๆ หมายถึงอาการอยากมีส่วนร่วมด้วย

หรืออีกนัยหนึ่งคือ ระดับเสียงที่อยู่ในระดับที่สุนัขได้ยินอย่างชัดเจน รวมถึงถ้าในกรณีที่สุนัขมีการหอนในตอนดึกอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่สุนัขรับรู้ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่น เสียงในความถี่ที่มนุษย์อย่างเราไม่ได้ยิน หรือสัญญาณบางอย่างที่สุนัขรับรู้ได้ดีกว่าเรา เช่นสัญชาตญาณ หรือกลิ่น ดังนั้นอย่างที่เราเห็นในหนังว่าการที่สุนัขหอนตอนกลางดึกมักจะเป็นสัญญาณให้เจ้าของบ้านรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดสังเกตุ เช่นมีขโมยเข้ามาในบ้านกลางดึก

ดังนั้นนอกสุนัขจะนำความน่ารัก และสุดแสนความเสน่ห์ของตัวเค้ามาให้เราหายเหนื่อยในวันๆ หนึ่ง ยังช่วยให้เราได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ทำให้ช่องว่างที่มีหายไปด้วยความรัก และความเข้าใจซึ่งกัน

#ภาษากายของสุนัข #สุนัข #เจ้าตูบ